As the Future catches you : เมื่ออนาคตไล่ล่าคุณ

8 มิ.ย. 2553
โดย Juan Enriquez

ดร.สุรเจต ไชยพันธ์พงษ์ ได้สรุปไว้เกี่ยวกับ

มุมมองของผู้เขียน ต่อโลกอนาคตอันมีส่วนสัมพันธ์กับชีวิตความเป็นอยู่ของเราและลูกหลานไว้อย่างน่าสนใจยิ่ง

As The Future Catches You : How Genomics & Other Forces are Changing Your Life, Work, Health & Wealth

หนังสือดังเล่มนี้ ผู้แต่งต้องการชี้ให้เห็นถึง พัฒนาการของเทคโนโลยี 3 อย่างที่กำลังครอบงำโลกนี้อยู่ และ หลายคนก็ยังไม่รู้ตัว คือ

Digital Technology,
Genomics และ
Nano Technology

และสิ่งที่น่าตกใจมากขึ้นไปอีกก็คือ เทคโนโลยีเหล่านี้สามารถมี Convergence ซึ่งกันและกันได้แล้ว จึงสามารถส่งพลังมหาศาลต่อการเปลี่ยนแปลงของการดำรงชีวิตอยู่ของมนุษย์ในทศวรรษอันใกล้นี้ รวมทั้งจะส่งผลต่อธุรกิจต่างๆ เป็นอย่างมาก

ผู้ที่เสียเปรียบอันเนื่องมาจาก Technology Illiterate ก็จะยิ่งยากจนลง ผู้ที่มี Technology Literacy สามารถเข้าใจ Digital Code (0-1-0-1)

และ Genetics Code (A-T-C-G) ก็จะสามารถสรรสร้างสิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรมใหม่ออกมาได้เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ ทีวี รถยนต์ อาหารการกิน ยารักษาโรค และชิ้นส่วนอวัยวะมนุษย์ เป็นต้น

ดังนั้น ปัจจัยที่จะมีผลต่อความมั่นคงและความมั่งคั่งของประเทศ จึงมีมากกว่าเรื่องของการศึกษา ประชาธิปไตย ความสามารถในการแข่งขัน การเปิดโอกาสทางเศรษฐกิจให้ผู้คน แต่ยังประกอบด้วย "เทคโนโลยี" อีกด้วย

ดร.สุรเจต ไชยพันธ์พงษ์ จาก www.ctech.ac.th ได้สรุปไว้

"พัฒนาการของเทคโนโลยี 3 อย่างที่กำลังครอบงำโลกนี้อยู่ และ หลายคนก็ยังไม่รู้ตัว คือ 
D
igital Technology, 
Genomics และ 
Nano Technology"

Mixing Apples, Orange and Floppy Disks Digital Code ซึ่งประกอบไปด้วย Code 0-1-0-1 …

แต่สามารถสร้างสรรข้อมูล ข่าวสาร และสิ่งต่างๆ บนโลกนี้ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์, Computer, TV, Music และทำให้ประเทศเล็กๆ

เช่น ไต้หวัน, ฟินแลนด์, สิงคโปร์ ร่ำรวยอย่างมหาศาล เป็นเพราะประเทศเหล่านี้เข้าใจ "Change" และมี "Technology Literacy" ในระดับสูง

ในปี 1995 มนุษย์สามารถถอดรหัสภาษาของ Genetic Code ซึ่งมีอยู่ในสิ่งมีชีวิตทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็นแบคทีเรีย, แมลง, พืช, สัตว์ และมนุษย์

โดย Genetic Code นี้ จะประกอบด้วยตัวอักษรใหญ่ 4 ตัว คือ A-T-C-G เหมือนโครงสร้างภาษาของ Digital Code

ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้ ผู้ที่เข้าใจ Genetic Literacy ( Code : A-T-C-G ) และสามารถใช้ประโยชน์จากการคิดค้น Code เหล่านี้ได้เหมือน Digital Code ( 0-1-1-0-0-1-1… ) อาจสามารถสรรสร้างสิ่งต่างๆ ได้อย่างมหาศาล

"If you change this code, just as if you change the code in floppy disk or on a CD, you change the message, the product and the outcome."

ตัวอย่างการรักษาโรคในปัจจุบันซึ่งเป็น Treatment แบบ "Emergency Prevention" ก็จะเปลี่ยน ไปสู่แบบ "Deliberate and Personalized Prevention" เหมือนการรักษาฟัน (ที่เน้นในเรื่องป้องกัน เช่น การขูดหินปูน, การอุดฟันรักษารากฟัน หรือเคลือบฟลูออไรด์ เป็นต้น)

โดยการปรับจาก Genetic Code นี้ ยารักษาโรค ก็จะไม่ใช่แบบ "ต้องกิน ต้องฉีด" แต่จะเป็นแบบผสมในอาหาร น้ำดื่ม เครื่องสำอาง หรือกระทั่งสบู่ที่ใช้อาบน้ำ ในชีวิตประจำวัน

จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจเลย หากวันนี้ P&G กำลังคิดที่จะ Merge รวมกับบริษัทยายักษ์ใหญ่ หรือ บริษัท L'oreal ซึ่งมีการจ้าง "Molecular Biologist" เข้าทำงานมากขึ้น และบริษัทอย่าง Mosanto, Dupont, Novartis, IBM, Hoechst, Compaq, GlaxoSmithKline ซึ่งมี Core Business แตกต่างกัน

จึงกำลังคิดเรื่อง Partnering … Merging ... Growing

วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2001 มนุษย์ประสบผลสำเร็จในการค้นพบ "แผนที่พันธุกรรมของมนุษย์" ซึ่งจะ มีผลทำให้พัฒนาการบนโลกนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากทีเดียว แผนที่พันธุกรรมนี้จะประกอบไปด้วย Code ต่างๆ คือ A-T-C-G ซึ่งก็เป็น Genetic Code เช่นกัน

ดังนั้น แผนที่ที่ทุกคนสนใจในขณะนี้จึงไม่ใช่ World Map (ซึ่งประกอบไปด้วยทวีป แม่น้ำ ทะเล ภูเขา หรือเมืองต่างๆ) แต่เป็น Genetic Map

"These map are changing the way we look at all life because they provide blueprint crucial to almost every business."

วันที่ 31 มกราคม 2001 รัฐบาลอังกฤษได้ออกกฎหมายรับรองการ Cloning ชิ้นส่วนตัวอ่อนของ มนุษย์แล้ว

Lack of technology literacy is one of the reason of the gap between the richest and the poorest countries in the world which is growing so quickly …

Why there is a 390 : 1 gap. การโคลนนิ่ง

------------------

2: The 390 : 1 Gap

ประเทศที่เคยยิ่งใหญ่หลายประเทศในอดีตกาล บัดนี้ได้ล่มสลายไป หรือไม่ก็ไม่สามารถดำรงคงอยู่ได้อย่างยิ่งใหญ่อีกแล้ว เช่น

คศ. 1200 ขอม (หรือ เขมรปัจจุบัน) ถือเป็นประเทศที่มั่งคั่ง ร่ำรวยประเทศหนึ่งของโลก เช่น นครวัด

คศ. 1500 เปรู และเม็กซิโก เหนือกว่ายุโรปมาก

คศ. 1600 Switzerland of the Middle East คือ เลบานอน และ Switzerland of Africa คือ ยูกันดา

แต่ด้วยสงครามเผ่าพันธุ์ และการเมืองภายในกันเอง และละเลยเรื่องของ "การพัฒนาเทคโนโลยี" ประเทศ หรืออาณาจักรเหล่านี้หลายแห่งก็สูญสลายไป หรือไม่วันนี้ก็ยากจนมาก

หรืออย่างในปี 1840 โลกเพิ่งเริ่มต้นยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรม ประเทศจีน และอินเดียครองสัดส่วนการค้าทั้งโลกนี้ถึง 40% โดยสินค้าหลัก คือ ผ้าไหม เพชรพลอย และมรกต

แต่ในขณะเดียวกันฟากฝั่งยุโรปและอเมริกา เริ่มต้นการพัฒนาอุตสาหกรรม โดยการ "Industrialize and Standardize" ซึ่งจีนและอินเดียไม่ได้ทำ

สัดส่วนการครองการค้าโลกของประเทศทั้งสองจึงเหลือเพียง 3.4%

คศ. 1800 คิวบา และอาร์เจนติน่า ร่ำรวยกว่าอเมริกา แต่อเมริกามุ่งมั่นเรื่องการให้การศึกษาผู้คน สร้างโครงสร้างพื้นฐาน สะสมทุน

รับเอาเทคโนโลยีมาใช้ในภาคการเกษตรและสิ่งทอ อเมริกาจึงแซงหน้าประเทศเหล่านี้

คศ. 1860 สินค้าญี่ปุ่นเป็นสัญลักษณ์ของ Bad Quality แต่ปัจจุบันเป็น World Class Quality และผลิตสินค้าขายได้มากเป็น 5 เท่าของทวีปอเมริกาใต้ทั้งทวีป

ปัจจุบัน Gap ระหว่างประเทศร่ำรวย กับประเทศยากจน จึงไม่ใช่ 5 : 1 แต่เป็น 390 : 1
และจะยิ่งมากขึ้นด้วย "IT and Genetic Revolution" และในไม่ช้า Gap นี้อาจเป็นถึงมากกว่า 1,000 : 1 เท่าก็ได้ Argentina! Tokyo

----------------------

3 : The New Rich and The New Poor

ความแตกต่างในเรื่องของ "การศึกษา" โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของ "Scientific Literacy" นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเรื่องของความมั่งคั่ง

เมื่อ 50 ปีที่แล้ว เม็กซิโก ผลิตสินค้าได้เป็น 2 เท่าของไต้หวัน แต่ในปี 1974 ไต้หวันทุ่มเทให้กับเรื่องของการศึกษามาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านวิทยาศาสตร์ในระดับมหาวิทยาลัย จึงก่อให้เกิดการพัฒนาด้านอุตสาหกรรม ขึ้นมาทั้งในเรื่องของ Computer และ Chip

และวันนี้ไต้หวันผลิตสินค้าได้เป็น 4 เท่าของเม็กซิโก เป็นผลให้ Hourly Wage สูงกว่า Maxico กว่า 2 เท่า

World Economy ทุกวันนี้เปลี่ยนไปจากเดิมจากภาคการเกษตร มุ่งสู่ภาคบริการมากขึ้น ซึ่งเป็นลักษณะของ Knowledge Economy

"The knowledge component become more important, and manual worker labour has less valuable."

"Today, a kid with a smart idea, a couple of friends, and some luck can made a lot of money very quickly." (เช่น Jeff Bozos ผู้สร้าง amazon.com )
Read more ...

ความคิดเห็นล่าสุด

Recent Comments Widget