แม้ว่าจะเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูกาลใหม่ 2009-10 แล้ว แต่สำหรับ “โจเซ่ มูรินโญ่” ยังคงเหมือนเดิมทุกประการกับฝีปากที่คมกริบและเย่อหยิ่งในการแถลงข่าวที่แอปเปียโน่ เจนติเล่ในการเข้าแคมป์ซ้อมวันแรกของทีมอินเตอร์ มิลานเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (10 ก.ค.)โดนกันถ้วนหน้าทั้งรีล มาดริดกับยูเวนตุส ที่น้ามูบอกว่า
“ไม่มีอะไรพิเศษที่จะพูดถึง เย้ย คาร์โล อันเชล็อตติ อดีตกุนซือเอซี มิลานและปัจจุบันเข้าคุมเชลซีทีมเก่าของเขาว่าไม่ใช่เพื่อน ตบท้ายด้วยการกระทบชิ่งนักข่าวตั้งคำถามเหมือนกับว่าเขาเป็นเกย์
“รีล มาดริดเหรอ ผมไม่มีอะไรพิเศษที่จะพูดถึงพวกเขาเราอาจจะไม่ได้เจอกับพวกเขาในซีซั่นนี้ ผมไม่กลัวมันหรอกพวกเขาคือทีมระดับโลกมีนักเตะชั้นยอดมากมายและอยู่ภายใต้การจับตามอง แต่ผมไม่มีอะไรจะพูดถึง” มูรินโญ่ให้สัมภาษณ์กับสกาย สปอร์ต อิตาเลีย
“ผมไม่กลัวทีมจากอิตาลีทีมอื่นด้วยเช่นกันกัน สิ่งที่พวกเขาทำเป็นเรื่องปกติที่ต้องการทำให้ทีมดีขึ้น มันชัดเจนอยู่แล้ว”(พูดกระทบถึงการทุ่มเงินซื้อนักเตะของยูเวนตุส)
“คำถามของพวกคุณเหมือนกับว่าผมเป็นเกย์” น้ามูปล่อยมุกใส่นักข่าว หลังโดนจี้ถามถึงกองหลังแบบไหนที่เขาอยากได้ตัว
“คุณพูดกันแต่ว่า (เส้นผมสี) บลอนด์, น้ำตาล, ทอง”
“ผมมีจุดมุ่งหมายเหมือนเดิม ผมยินดีที่ได้กลับมาเข้าแคมป์ ผมชอบทำงาน ชอบเตะบอล ชอบสอนบอล ผมชอบการแข่งขัน” กุนซือสเปเชี่ยลวันกล่าว
“เราจะเริ่มลงเตะเกมอุ่นเครื่องปรีซีซั่นในสัปดาห์หน้า ผมแฮปปี้และยินดีเป็นอย่างยิ่ง”
“เรื่องกลุ่มนักเตะเหรอ? มันคือปัญหาสำหรับผม ผมไม่แฮปปี้ มันไม่ดีต่อการทำงาน เกมฟุตบอลคือการต่อสู้ของ 11 ต่อ 11 แต่ผมมี 30 นักเตะในสนามซ้อมที่ไม่ใช่เรื่องดีเลย”
“มีนักเตะหลายคนที่ผมต้องการให้ไป ผมไม่ต้องการให้เขาอยู่ เพราะมันไม่เป็นผลดีสำหรับทีม”
“วันนี้มันดูเหมือนว่านักเตะจะสนใจกันแต่เงินและชีวิตส่วนตัวมากกว่าอย่างอื่น นักเตะหลายคนชอบที่จะอยู่กับทีมต่อไปทั้งที่โค้ชไม่ต้องการเขา”
“(หลุยส์) จิเมเนซย้ายไปเวสต์แฮมที่เป็นเรื่องดีสำหรับเขาเอง ขณะที่คนอื่นๆ ไม่ต้องการไป ที่ผมก็ต้องยอมรับตามกฎและสัญญาที่เหลืออยู่”
“ความคิดของผมจะไม่เปลี่ยนเกี่ยวกับตัวนักเตะ ผมไม่เปลี่ยนความรู้สึกต่อพวกเขา”
“เน็ดเว็ดเหรอ? ผมไม่พูดถึงนักเตะคนอื่นที่ไม่ได้อยู่ที่นี่” มูรินโญ่ตอบเมื่อถูกถามถึงมิดฟิลด์เช็ก
“มันก็เรื่องเดิมๆ น่ะแหละ ตลาดซื้อขายเปิดตอนซัมเมอร์ เราจะคอยดูว่าจะมีสโมสรอื่นสนใจนักเตะของเราบ้างหรือไม่”
“อินเตอร์ลงตัวหรือยังใช่มั้ย? เราเล่นด้วยนักเตะ 11 คนเราพร้อมแล้ว แต่ยังมีแนวทางที่แตกต่างออกไป เราต้องการปล่อยนักเตะในทีม 8 คน และเอา 4 นักเตะใหม่เข้ามา เพื่อให้สโมสรเติบโตขึ้น”
“มันง่ายกว่าในการเป็นโค้ชที่อังกฤษ เพราะว่าผู้คนจะคิดเกี่ยวกับฟุตบอลใน 90 นาที ในอิตาลีมีโค้ชอยู่ทั้งหมด 60 ล้านคน”ปิดท้ายในเพรสแถลงข่าว มูรินโญ่ ตอบคำถามถึง คาร์โลอันเชล็อตติ อดีตกุนซือเอซี มิลานทีมคู่ปรับร่วมเมืองที่ย้ายไปคุมเชลซีทีมเก่าของเขาว่าจะทำได้ดีแค่ไหน และกุนซือสเปเชี่ยลวันก็ประกาศศึกทันที หลังจากที่อันเช่เคยพูดกระทบถึงเขาตอนแถลงข่าวครั้งแรกที่สแตมฟอร์ด บริดจ์”
“อันเชล็อตติไม่ใช่เพื่อนผม”นั่นแค่ออเดิร์ฟก่อนซีซั่นใหม่ของจริงกำลังจะมาถึง ยังมีคำคมจากกุนซือโปรตุกีสรออยู่อีกมากมาย แต่เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา..เรารวบรวม 10 ประโยคคลาสสิกในอดีตที่ โจเซ่ มูรินโญ่ทิ้งเอาไว้ เอากลับมาเรียบเรียงใหม่ให้ดูกันอีกครั้ง
10...“ผมใช้เวลาเรียนภาษาอิตาเลียนวันละ 5 ชั่วโมงมาหลายเดือน เพื่อให้แน่ใจว่าจะคุยกับลูกทีม, สื่อมวลชน และแฟนๆ รู้เรื่อง ส่วน (เคลาดิโอ) รานิเอรี่อยู่อังกฤษมา 5 ปีแต่ยังคงมีปัญหากับประโยคอย่าง “good morning” และ “good afternoon” อยู่เลย”
“เขาได้แชมป์ซูเปอร์ คัพ ที่เป็นถ้วยเล็กๆ และไม่เคยได้แชมป์ระดับเมเจอร์ เขาต้องปรับเปลี่ยนความคิดของตัวเองบ้างล่ะแต่อาจจะแก่เกินแกงที่จะทำ”
● มูรินโญ่จวกกลับใส่รานิเอรี่กุนซือยูเวนตุสที่มาวิจารณ์เขาตอนที่เข้ารับตำแหน่งกุนซืออินเตอร์ มิลานเมื่อตอนซัมเมอร์ 2008
9...“ถ้าผมต้องการเซฟงานของตัวเองทำไปเรื่อยๆ ผมก็คงอยู่ที่ปอร์โต้ต่อแล้ว เพราะที่นั่นแฟนบอลยกย่องผมเป็นที่สองรองจากพระเจ้า”
● กุนซือโปรตุเกสพูดเมื่อตอนมารับงานใหม่ที่เชลซีในปี 2004 และถูกถามว่า ทำไมถึงตัดสินใจที่จะรับงานใหญ่กว่าเดิมที่เต็มไปด้วยความกดดัน
8...“ผมแทบไม่เชื่อสายตา เมื่อเห็นไรจ์การ์ดเดินเข้าไปที่ห้องผู้ตัดสิน หลังจากนั้น ดิดิเยร์ ดร็อกบา ก็โดนใบแดงไล่ออก ผมไม่เซอร์ไพรส์อะไรเลย”
“สำหรับเกียรติประวัติการคุมทีมของผมไม่สามารถเปรียบกับ แฟรงค์ ไรจ์การ์ด ได้เลย เขามี 0 โทรฟี่ ส่วนผมได้ถ้วยแชมป์มามากมาย”
● น้ามูอัดใส่ไรจ์การ์ด ในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีกที่เชลซีเจอกับบาร์เซโลน่าในปี 2005 ทั้งสองเลก และผู้ตัดสินที่เขาพูดถึงก็คือ อันเดอร์ส ฟริสก์
7...“สำหรับผมแล้วความกดดันก็เหมือนไข้หวัดนก ผมรู้สึกกดดันมากกับปัญหานี้ในประเทศสกอตแลนด์ มันไม่ใช่เรื่องสนุกและผมก็กลัวมากกว่าฟุตบอล”
● โจเซ่พูดถึงเรื่องความกดดันในปี 2006 ที่เชลซีกำลังลุ้นแชมป์ในช่วงท้ายฤดูกาล
6...“สำหรับ โล โมนาโก แล้ว ผมไม่รู้จักใครที่ชื่อนี้ กับชื่อโมนาโก ผมเคยได้ยินแต่บาเยิร์น โมนาโก (มิวนิค) และโมนาโก กรังด์ปรีซ์, ทิเบต โมนาโก (พระ) และกษัตริย์แห่งโมนาโก นอกจากนี้ ผมไม่รู้จักโมนาโกอื่นๆ”
● มูรินโญ่ สวนกลับปิ เอโตร โล โมนาโก ประธานคาตาเนียที่บอกให้เขาหุบปาก หลังเกมที่อินเตอร์ มิลานบุกมาชนะคาตาเนีย เมื่อเดือน พ.ย.2008
5...“ผมคิดว่าเขาคือหนึ่งในพวกถ้ำมองที่ชอบส่องไปทั่ว เป็นใครสักคนที่ถือกล้องส่องทางไกล คอยดูว่าบ้านอื่นๆ เขาเป็นยังไงกันบ้าง เขาเอาแต่พูด พูด พูด ถึงแต่เชลซี”
● น้ามูจวก อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซืออาร์เซนอลเมื่อเดือนตุลาคม 2005 แต่หลังจากนั้นเขาก็ออกมาขอโทษกับคอมเมนต์ครั้งนี้
4...“ในโปรตุเกสเราจะพูดกันว่า พวกเขาเอารถบัสมาจอดขวางหน้าประตู ผมอยากจะมาช่วยเข็นมันออกไป ถ้าผมเป็นแฟนบอลที่จ่ายเงิน 50 ปอนด์เข้ามาดูเกม สเปอร์สมัวแต่ตั้งรับเอาโล่จริงๆ”
● เขาพูดถึงเกมที่เชลซีเจอกับสเปอร์สในพรีเมียร์ ลีก ปี 2004 ที่ทีมตราไก่ถอยนักเตะทั้งหมด 11 คน ลงมาตั้งรับหน้าประตู
3...“มันไม่ใช่เกมระหว่างผมกับเขา มันเป็นเรื่องของเด็กน้อยคนหนึ่งออกมาพล่ามในสิ่งที่แสดงถึงความไม่โตเป็นผู้ใหญ่และขาดความเคารพผู้อื่น บางทีมันคงเป็นผลจากการที่เขาไร้การศึกษา และมีชีวิตวัยเด็กที่ยากลำบาก”
● โจเซ่เล่นกับเด็ก ไล่จวก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่เป็นโปรตุกีสด้วยกัน หลังโด้จิ๋วให้สัมภาษณ์พาดพิงเมื่อปี 2007
2...“โรนัลโด้คือนักเตะที่ดี แต่ก็ไม่ได้เก่งที่สุด เขาได้รับรางวัลบัลลงดอร์ เพราะทีมของเขาคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกและพรีเมียร์ลีก สำหรับผมแล้วอิบราฮิโมวิชเก่งที่สุดแล้ว”
● ขออีกรอบสำหรับมูรินโญ่ ที่แขวะโรนัลโด้หลังคว้านักเตะยอดเยี่ยมบัลลงดอร์ไปครอง
1...“กรุณาอย่าหาว่าผมหยิ่งยโส แต่ผมเคยได้แชมป์ยุโรปมาแล้ว และผมคือ Special One”
● ประโยคคลาสสิกที่สุดตั้งแต่ตอนที่รับงานคุมทีมเชลซี
“เขาได้แชมป์ซูเปอร์ คัพ ที่เป็นถ้วยเล็กๆ และไม่เคยได้แชมป์ระดับเมเจอร์ เขาต้องปรับเปลี่ยนความคิดของตัวเองบ้างล่ะแต่อาจจะแก่เกินแกงที่จะทำ”
● มูรินโญ่จวกกลับใส่รานิเอรี่กุนซือยูเวนตุสที่มาวิจารณ์เขาตอนที่เข้ารับตำแหน่งกุนซืออินเตอร์ มิลานเมื่อตอนซัมเมอร์ 2008
9...“ถ้าผมต้องการเซฟงานของตัวเองทำไปเรื่อยๆ ผมก็คงอยู่ที่ปอร์โต้ต่อแล้ว เพราะที่นั่นแฟนบอลยกย่องผมเป็นที่สองรองจากพระเจ้า”
● กุนซือโปรตุเกสพูดเมื่อตอนมารับงานใหม่ที่เชลซีในปี 2004 และถูกถามว่า ทำไมถึงตัดสินใจที่จะรับงานใหญ่กว่าเดิมที่เต็มไปด้วยความกดดัน
8...“ผมแทบไม่เชื่อสายตา เมื่อเห็นไรจ์การ์ดเดินเข้าไปที่ห้องผู้ตัดสิน หลังจากนั้น ดิดิเยร์ ดร็อกบา ก็โดนใบแดงไล่ออก ผมไม่เซอร์ไพรส์อะไรเลย”
“สำหรับเกียรติประวัติการคุมทีมของผมไม่สามารถเปรียบกับ แฟรงค์ ไรจ์การ์ด ได้เลย เขามี 0 โทรฟี่ ส่วนผมได้ถ้วยแชมป์มามากมาย”
● น้ามูอัดใส่ไรจ์การ์ด ในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีกที่เชลซีเจอกับบาร์เซโลน่าในปี 2005 ทั้งสองเลก และผู้ตัดสินที่เขาพูดถึงก็คือ อันเดอร์ส ฟริสก์
7...“สำหรับผมแล้วความกดดันก็เหมือนไข้หวัดนก ผมรู้สึกกดดันมากกับปัญหานี้ในประเทศสกอตแลนด์ มันไม่ใช่เรื่องสนุกและผมก็กลัวมากกว่าฟุตบอล”
● โจเซ่พูดถึงเรื่องความกดดันในปี 2006 ที่เชลซีกำลังลุ้นแชมป์ในช่วงท้ายฤดูกาล
6...“สำหรับ โล โมนาโก แล้ว ผมไม่รู้จักใครที่ชื่อนี้ กับชื่อโมนาโก ผมเคยได้ยินแต่บาเยิร์น โมนาโก (มิวนิค) และโมนาโก กรังด์ปรีซ์, ทิเบต โมนาโก (พระ) และกษัตริย์แห่งโมนาโก นอกจากนี้ ผมไม่รู้จักโมนาโกอื่นๆ”
● มูรินโญ่ สวนกลับปิ เอโตร โล โมนาโก ประธานคาตาเนียที่บอกให้เขาหุบปาก หลังเกมที่อินเตอร์ มิลานบุกมาชนะคาตาเนีย เมื่อเดือน พ.ย.2008
5...“ผมคิดว่าเขาคือหนึ่งในพวกถ้ำมองที่ชอบส่องไปทั่ว เป็นใครสักคนที่ถือกล้องส่องทางไกล คอยดูว่าบ้านอื่นๆ เขาเป็นยังไงกันบ้าง เขาเอาแต่พูด พูด พูด ถึงแต่เชลซี”
● น้ามูจวก อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซืออาร์เซนอลเมื่อเดือนตุลาคม 2005 แต่หลังจากนั้นเขาก็ออกมาขอโทษกับคอมเมนต์ครั้งนี้
4...“ในโปรตุเกสเราจะพูดกันว่า พวกเขาเอารถบัสมาจอดขวางหน้าประตู ผมอยากจะมาช่วยเข็นมันออกไป ถ้าผมเป็นแฟนบอลที่จ่ายเงิน 50 ปอนด์เข้ามาดูเกม สเปอร์สมัวแต่ตั้งรับเอาโล่จริงๆ”
● เขาพูดถึงเกมที่เชลซีเจอกับสเปอร์สในพรีเมียร์ ลีก ปี 2004 ที่ทีมตราไก่ถอยนักเตะทั้งหมด 11 คน ลงมาตั้งรับหน้าประตู
3...“มันไม่ใช่เกมระหว่างผมกับเขา มันเป็นเรื่องของเด็กน้อยคนหนึ่งออกมาพล่ามในสิ่งที่แสดงถึงความไม่โตเป็นผู้ใหญ่และขาดความเคารพผู้อื่น บางทีมันคงเป็นผลจากการที่เขาไร้การศึกษา และมีชีวิตวัยเด็กที่ยากลำบาก”
● โจเซ่เล่นกับเด็ก ไล่จวก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่เป็นโปรตุกีสด้วยกัน หลังโด้จิ๋วให้สัมภาษณ์พาดพิงเมื่อปี 2007
2...“โรนัลโด้คือนักเตะที่ดี แต่ก็ไม่ได้เก่งที่สุด เขาได้รับรางวัลบัลลงดอร์ เพราะทีมของเขาคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกและพรีเมียร์ลีก สำหรับผมแล้วอิบราฮิโมวิชเก่งที่สุดแล้ว”
● ขออีกรอบสำหรับมูรินโญ่ ที่แขวะโรนัลโด้หลังคว้านักเตะยอดเยี่ยมบัลลงดอร์ไปครอง
1...“กรุณาอย่าหาว่าผมหยิ่งยโส แต่ผมเคยได้แชมป์ยุโรปมาแล้ว และผมคือ Special One”
● ประโยคคลาสสิกที่สุดตั้งแต่ตอนที่รับงานคุมทีมเชลซี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น