โดย พุทธสามัคคี https://goo.gl/TAsPcG
เราจะคิดอย่างไรหากพบกรณีอย่างนี้
- เด็กปล่อยห้องรกเป็นรังหนู ขยะเกลื่อน พอผู้ใหญ่เตือนก็บอก อย่าไปยึดมั่นถือมั่น ต้องรู้จักปล่อยวาง ทุกอย่างอยู่ที่ใจ
- โจรใต้ต้องการแบ่งแยกดินแดน แล้วมีคนพูดว่า ทุกอย่างเป็นอนัตตา ไม่ใช่ของของเรา อย่าไปยึดมั่นถือมั่น ต้องรู้จักปล่อยวาง ยกให้เขาไปเถิด
- มีคนลบหลู่ดูหมิ่นพระรัตนตรัยอย่างรุนแรง แล้วมีชาวพุทธบางคนบอกช่างเขา ปล่อยเขาทำไป ต้องรู้จักปล่อยวาง อย่าไปยึดมั่นถือมั่น สำคัญที่ใจ
- คนยากจนไม่ยอมทำงาน คอยแต่ขอความช่วยเหลือจากคนอื่น มีคนไปบอกให้หางานทำ เขาก็บอกว่าอย่าติดวัตถุ ต้องรู้จักปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่น
- พุทธศาสนิกชนในไทยเหลือน้อยลงทุกที ถ้าปล่อยต่อไปพุทธอาจสูญจากไทยเหมือนอินเดีย แล้วชาวพุทธบางคนบอกมันก็เป็นอย่างนี้แหละ ทุกอย่างไม่เที่ยง ต้องเสื่อมสูญไปเป็นธรรมดา ปล่อยมันไปไม่ต้องทำอะไร
ความจริงธรรมะมีทั้งระดับโลกียะเพื่อการดำรงอยู่ในโลกนี้และระดับโลกุตตระเพื่อความหลุดพ้น คนบางคนแยกไม่ออก เอาธรรมะระดับโลกุตตระมาใช้กับเรื่องโลกียะ พูดให้ดูเหมือนเท่มีหลักการ แต่ความจริงคือ การดูดาย ความไม่รับผิดชอบ
*** ปัจฉิมโอวาทของพระพุทธเจ้าก่อนปรินิพพานพระองค์ยังทรงรับสั่งให้ชาวพุทธบำเพ็ญประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเลย พระองค์ไม่ได้สอนให้ชาวพุทธดูดาย ไม่รับผิดชอบ ***
เห็นใครที่ใช้ธรรมะผิดระดับ พูดเรื่องปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่น แต่ศีล 5 ยังไม่ครบ สมาธิภาวนาไม่ค่อยได้ทำ ให้ช่วยกันสอนให้เขาเข้าใจเรื่องความรับผิดชอบ การทำหน้าที่ของตนด้วย ถ้าเราปล่อยให้ความเห็นผิดเรื่องการปล่อยวาง ซึ่งจริงๆ คือ การดูดาย ไม่รับผิดชอบ ขยายวงกว้างออกไป จะเป็นเหตุให้พระพุทธศาสนาเสื่อมสูญจากประเทศไทยไปได้เช่นกัน คนเราถ้าไม่รับผิดชอบต่อประเทศ ประเทศก็ล่มสลายได้ ไม่รับผิดชอบต่อตนเอง ก็จะลำบากยากจนไปตลอดชาติ
คนที่จะพูดคำว่าไม่ยึดมั่นถือมั่น ปล่อยวาง ไม่ยึดติดวัตถุมุ่งแต่จิตใจได้นั้น อย่างน้อยที่สุดต้องเป็นคนที่มีศีล 5 ครบบริบูรณ์ หมั่นเจริญสมาธิภาวนาอย่างจริงจัง จนใกล้จะหลุดพ้น เข้าสู่ภูมิอริยบุคคลแล้ว
ถ้าศีลยังไม่รักษา สมาธิยังไม่นั่ง แล้วอะไรเกิดขึ้นก็พูดช่างมัน ไม่ยึดติด ก็คือ การหนีความจริง การไม่รับผิดชอบ ทั้งยังเกียจคร้านอีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น