2+2 = 5 ต้องเชื่อในสิ่งที่สั่ง

24 ส.ค. 2555
โดยวอยซ์ทีวี เมื่อ 20 ก.ค.2555

หนึ่งในผลพวงของการปฎิวัติอาหรับสปริง ที่คนไทยในโลกออนไลน์ กำลังรู้จักกันเป็นอย่างดี คือ หนังสั้นเรื่อง 2 บวก 2 เท่ากับ 5 เพราะผู้กำกับบอกว่าการปฎิวัติของประชาชนคือแรงบันดาลใจของเขา ซึ่งแท้จริงแล้ว แนวคิดนี้ ปรากฏอยู่ในวรรณกรรมชื่อดังระดับโลก ที่มีอายุถึง 63 ปีแล้ว

ในโลกออนไลน์ คลิปหนังสั้นที่ถูกตั้งชื่อใหม่ว่า 2+2 = 5 ความยาวเกือบ 7 นาทีกำลังถูกเผยแพร่ในวงกว้าง คลิปนี้ มาจากหนังสั้นเรื่อง "Two And Two" ของ

บาบัค อันวารี ผู้กำกับชาวอิหร่านที่อาศัยในอังกฤษ 

ออกฉายครั้งแรกในปี 2553 ในเทศกาลภาพยนตร์ต่าง ๆ

โดยเขาเปิดเผยว่า ได้รับแรงบันดาลใจจากการลุกฮือของประชาชนหลายประเทศทั่วโลก ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

เนื้อหาของหนังสั้นเรื่องนี้ ต้องการบอกผู้ชมเกี่ยวกับความจริง และความเหนือจริง จากผู้มีอำนาจ ซึ่งในเนื้อเรื่อง ความจริงจะถูกครูและปลายกระบอกปืน

แนวคิด 2+2 เท่ากับ 5 ไม่ได้มีเพียงในหนังสั้นเท่านั้น เพราะสำหรับแฟนหนังสือ 1984 ของ

จอร์จ ออร์เวลล์ หรือ เอริค อาร์เธอร์ แบลร์ 

นักอ่านจะรู้จักแนวคิดนี้เป็นอย่างดี และยังอาจรู้จักผ่านภาพยนตร์ที่ใช้ชื่อเรื่องเดียวกัน

เรื่องราวของหนังสือเล่มนี้ เกิดขึ้นในประเทศที่มีชื่อว่า โอเชียเนีย ซึ่งปกครองด้วยพรรคการเมือง ที่มีชื่อว่า "English Socialism" หรือ "Ingsoc" ซึ่งระบอบการปกครองนี้ ไม่เปิดให้ประชาชน มีความคิดเห็นที่แตกต่างจากชุดความคิดของผู้มีอำนาจ

พรรค Ingsoc จึงควบคุมประชาชนให้คิด พูด และมีการกระทำที่เหมือนกัน ผ่านเครื่องมือ คือการโฆษณาชวนเชื่อ ทั้งโทรภาพ การคิดค้นภาษาขึ้นใหม่ และการเขียนประวัติศาสตร์ขึ้นใหม่ ทดแทนสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในอดีต รวมทั้งคำตอบทางคณิตศาสตร์ ที่ว่า 2+2 เท่ากับ 5 และหากใครไม่เชื่อฟัง การลงโทษอย่างรุนแรงคือสิ่งที่ผู้ต่อต้านจะได้รับ

หนังสือเล่มนี้ เป็นผลงานเขียนของ

จอร์จ ออร์เวลล์

ในปี 2492 และเป็นงานชิ้นสุดท้าย ก่อนเขาเสียชีวิต ซึ่งเพียงปีแรก ก็ตีพิมพ์มากถึง 4 แสนเล่ม และในช่วงเวลาต่อมาได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ เกือบ 50 ภาษา รวมทั้งภาษาไทยในปี 2525 และกำลังจะมีการจัดพิมพ์ครั้งที่ 3 โดยสำนักพิมพ์สมมุติ

ในวิกิพีเดีย มีการระบุว่า จอร์ค ออร์เวลล์ ไม่ได้ถูกพูดถึงแนวคิด 2 + 2 เท่ากับ 5 ครั้งแรกในหนังสือเรื่อง 1984 เพราะระหว่างที่เขาทำงานกับสำนักข่าวบีบีซี เขาก็พูดถึงทฤษฎีของกลุ่มนาซี ที่ไม่เพียงแต่ควบคุมอนาคต พวกเขายังควบคุมอดีต โดยจะสั่งให้เชื่อว่า สิ่งนั้นไม่เคยเกิดขึ้นจริง
 
Read more ...

หนังชีวิต! เผยฮีโร่โอลิมปิกผู้ดีมีฝาแฝดอยู่โซมาเลีย พลัดพรากเพราะสงคราม

23 ส.ค. 2555

โดยไทยรัฐ เมื่อ 19 ส.ค.2555

เผยเรื่องราวสุดดราม่าของ "โม ฟาราห์" ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิกของสหราชอาณาจักร ว่า มีฝาแฝดอยู่ที่ประเทศโซมาเลีย หลังต้องพลัดพรากกันตั้งแต่อายุ 8 ขวบ เพราะสงครามกลางเมือง เผยชีวิตต่างกันสุดขั้ว ขณะที่อีกคนหนึ่งต้องอยู่อย่างแร้นแค้น แต่อีกคนสามารถไต่เต้าขึ้นมาจนกลายเป็นนักกีฬาที่มีชื่อเสียงได้สำเร็จ...

เว็บไซต์ "เดลีเมล์" รายงานเมื่อวันที่ 19 ส.ค. ตีแผ่ชีวิตสุดดราม่าของ โม ฟาราห์ นักวิ่งระยะไกลฮีโร่ 2 เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2012 ของสหราชอาณาจักร เมื่อพบมีฝาแฝดชื่อว่า ฮัสซัน ฟาราห์ อยู่ที่ประเทศบ้านเกิดโซมาเลีย จากที่ทั้งคู่พลัดพรากจากกันเมื่อตั้งแต่อายุเพียง 8 ขวบ จากเหตุสงครามกลางเมืองของโซมาเลีย หลังลูกๆ ของครอบครัวฟาราห์ 3 จากทั้งหมด 6 คน ติดตามผู้เป็นพ่อย้ายมาอยู่ที่อังกฤษ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า แต่อีก 3 คนที่เหลือกลับต้องอยู่อย่างแร้นแค้นที่โซมาเลีย

โดย ฮัสซัน ฟาราห์ เปิดใจผ่านเดลีเมล์ ถึงการต้องแยกทางกับ โม ฟาราห์ ฝาแฝด ก่อนที่ฝ่ายหลังจะไต่เต้าขึ้นเป็นนักกีฬาชื่อเสียงได้สำเร็จว่า ทั้งคู่เคยมีความผูกพันใกล้ชิดกันอย่างมาก แม้ฝ่าย โม จะไม่ค่อยเปิดเผยถึงชีวิตส่วนตัว และครอบครัวที่โซมาเลียมากนักก็ตาม โดยทั้งคู่ต่างเคยกินข้าวในจานเดียวกัน, นอนเตียงเดียวกัน, เรียนและเล่นที่เดียวกัน พร้อมยืนยันว่า เขาไม่เคยอิจฉาหรือขุ่นเคืองในวาสนาของฝาแฝดอีกคนแต่อย่างใด

"เราทำทุกอย่างร่วมกัน เราเป็นเงาของกันและกัน เรามีความรักที่พิเศษที่ฝาแฝดมีให้กัน แตกต่างจากแค่พี่น้องธรรมดาทั่วไป แต่ก็เหมือนครอบครัวชาวโซมาเลียอื่นๆ ที่หลายครอบครัวต้องพลัดพรากกันเพราะสงคราม แต่กรณีของผมมันยิ่งกว่า เพราะผมเสียครึ่งหนึ่งของตัวเองไป เสียฝาแฝดของผมไป ทุกวันนี้ผมยังเหลือพื้นที่ในใจไว้ให้เขา มันเป็นพื้นที่ว่างที่ไม่เคยถูกเติมเต็ม เขายังคงอยู่ในใจของผมเสมอ และผมรู้ว่า ผมเองก็ยังอยู่ในใจของเขาเช่นกัน"

"ผมยังจำได้ดีถึงวันที่เราต้องแยกกัน ระหว่างเรามีเพียงคนเดียวที่จะได้ไปอังกฤษกับพี่ชายอีกสองคน และยายของเราบอกว่า โม ควรจะไป ขณะที่ผมต้องรอไปก่อน แต่พวกเขาบอกว่าวันหนึ่งผมจะได้ตามไป พวกเขาบอกว่า เราจะได้พบกันอีกครั้งในเร็วๆ นี้"

"ตอนเด็กๆ เราต่างเป็นเด็กที่ชอบเล่นกีฬา เราเล่นฟุตบอลด้วยกันบนถนน และวิ่งเล่นไปทั่วๆ แต่ที่นี่ค่อนข้างร้อน ร้อนเกินไปไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม มันไม่มีสิ่งปลูกสร้างมากนัก มีแต่ถนนเป็นส่วนใหญ่ เราต่างชอบวิ่งเล่น บางครั้งเขาวิ่งไล่ชนะผม บางครั้งผมก็ชนะเขา แต่ตอนนี้เขาคงเหนือกว่าผมไปแล้ว หลังจากได้ซ้อมอย่างต่อเนื่องในสนามวิ่งดีๆ และในยิมดีๆ ขณะที่ผมไม่มีอะไรเลย แต่ใครจะรู้ล่ะ? บางทีเราอาจเป็นยอดฝาแฝดนักวิ่งโอลิมปิกที่มีชื่อเสียง ซึ่งผมอดคิดแบบนั้นไม่ได้เวลาเห็นเขาในโทรทัศน์ แต่เขาคือพี่น้องของผม ผมรักเขา และยินดีกับความสำเร็จของเขา"

ด้าน นิโม พี่สาวอีกคนของ โม ฟาราห์ ที่มีลูกชายป่วยเป็นโปลิโอด้วยนั้น เผยถึงชีวิตอันยากลำบากในโซมาเลียว่า "การใช้ชีวิตที่นี่ค่อนข้างลำบาก แต่เรารักที่นี่ เราเป็นคนของที่นี่ เพียงแต่มันค่อนข้างยากที่จะใช้ชีวิตอยู่รอด เราต้องการโรงเรียนและการแพทย์ที่ดีกว่านี้เพื่อเด็กๆ เราหวังว่า ความสำเร็จของโมจะช่วยให้เขาช่วยพวกเราได้".
Read more ...

ความคิดเห็นล่าสุด

Recent Comments Widget