โดยวอยซ์ทีวี เมื่อ 26 มี.ค.2555
ชาวอิสราเอลตั้งกลุ่มในเฟซบุ๊ก เป็นกระบอกเสียงส่งไปถึง ชาวอิหร่านและผู้นำประเทศ ว่าพวกเขาไม่ต้องการจะทำสงครามกับอิหร่าน ซึ่งแฟนเพจนี้ ได้รับการตอบรับอย่างดีจากประชาชนทั่วโลก
เริ่มต้นจากการที่นักออกแบบภาพกราฟฟิกชาวอิสราเอล 2 คน ต้องการเพียงแค่จะสร้างพื้นที่ เพื่อเป็นกระบอกเสียงส่งความเห็นเกี่ยวกับการต่อต้านสงคราม พวกเขาจึงสร้างกลุ่มในเฟซบุ๊ก ที่ชื่อว่า
'Israel-Loves-Iran' หรือ อิสราเอลรักอิหร่าน
ขึ้น
รอนนี เอ็ดรี และมิชาล์ ทาเมียร์ ผู้ก่อตั้งกลุ่มแฟนเพจ 'Israel-Loves-Iran'
เริ่มเห็นว่ากลุ่มเฟซบุ๊ก ที่พวกเขาสร้างขึ้นเป็นช่องทางการสื่อสารใหม่ระหว่างประชาชนที่อาศัยอยู่ในตะวันออกกลาง ที่มีโอกาสกลายเป็นสมรภูมิรบ เมื่อมีผู้เล่นเฟซบุ๊ค เข้ามากดไลค์แฟนเพจ กว่าแสนคน หลังจากนั้นก็มีการตั้งกลุ่มต่อต้านสงครามคล้ายๆกันกระจายทั่วโลก
เอ็ดรี กล่าวว่าในฐานะที่เป็นชาวอิสราเอล พวกเขาเกิดมาด้วยความพร้อม สำหรับประเทศของเขาแล้ว เขาพร้อมที่จะออกรบทุกเมื่อหากเกิดสงคราม อิสราเอลมีความพร้อมด้านการรบ แต่สำหรับครั้งนี้ พวกเขาต้องการจะส่งข้อความใหม่ออกไปว่า แม้ว่าพวกเขาจะพร้อมสำหรับการปกป้องประเทศ
แต่พวกเขาก็ไม่ต้องการจะทำสงคราม ซึ่งเขาหวังว่ารูปภาพและข้อความต่างๆ ที่ชาวอิสราเอลช่วยกันโพสต์ในเฟซบุ๊ก อาจจะช่วยเปลี่ยนแปลงบางอย่าง และป้องกันไม่ให้เกิดการปะทะได้
ในแฟนเพจ 'Israel-Loves-Iran' เต็มไปด้วยรูปภาพของชาวอิสราเอล ที่ถือป้ายหลากหลายแบบ ส่งสารที่ได้ใจความว่า ชาวอิหร่าน เรารักพวกคุณ และเราจะไม่มีวันทำสงครามกับคุณ ซึ่งผู้ก่อตั้งเพจในเฟซบุ๊ค ระบุว่าเขารู้สึกประหลาดใจอย่างมากเมื่อเห็นชาวอิหร่านที่อาศัยอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก ตอบรับอย่างกว้างขวาง
เพียงไม่ถึง 24 ชั่วโมง หลังจากที่เขาโพสต์ข้อความลงไป ก็มีชาวอิหร่านมากดไลค์ และโพสต์ข้อความตอบรับจำนวนมาก อาทิ ใช่ พวกเรารู้แล้ว เราก็รักพวกคุณเช่นกัน โดยหลังจากที่แฟนเพจดังกล่าวได้รับผลตอบรับอย่างดี ประเทศเยอรมนีและโปแลนด์ ซึ่งมีความขัดแย้ง ก็เปิดแฟนเพจลักษณะนี้ขึ้นมาเช่นกัน
ซึ่งชาวอิสราเอลและชาวอิหร่านหวังว่าข้อความเหล่านี้ จะส่งผ่านไปถึงบุคคลในรัฐบาล ให้ผู้นำของพวกเขา เข้าใจถึงความต้องการของประชาชน ที่ไม่อยากให้มีสงครามเกิดขึ้น
Read more ...
ชาวอิสราเอลตั้งกลุ่มในเฟซบุ๊ก เป็นกระบอกเสียงส่งไปถึง ชาวอิหร่านและผู้นำประเทศ ว่าพวกเขาไม่ต้องการจะทำสงครามกับอิหร่าน ซึ่งแฟนเพจนี้ ได้รับการตอบรับอย่างดีจากประชาชนทั่วโลก
เริ่มต้นจากการที่นักออกแบบภาพกราฟฟิกชาวอิสราเอล 2 คน ต้องการเพียงแค่จะสร้างพื้นที่ เพื่อเป็นกระบอกเสียงส่งความเห็นเกี่ยวกับการต่อต้านสงคราม พวกเขาจึงสร้างกลุ่มในเฟซบุ๊ก ที่ชื่อว่า
'Israel-Loves-Iran' หรือ อิสราเอลรักอิหร่าน
ขึ้น
รอนนี เอ็ดรี และมิชาล์ ทาเมียร์ ผู้ก่อตั้งกลุ่มแฟนเพจ 'Israel-Loves-Iran'
เริ่มเห็นว่ากลุ่มเฟซบุ๊ก ที่พวกเขาสร้างขึ้นเป็นช่องทางการสื่อสารใหม่ระหว่างประชาชนที่อาศัยอยู่ในตะวันออกกลาง ที่มีโอกาสกลายเป็นสมรภูมิรบ เมื่อมีผู้เล่นเฟซบุ๊ค เข้ามากดไลค์แฟนเพจ กว่าแสนคน หลังจากนั้นก็มีการตั้งกลุ่มต่อต้านสงครามคล้ายๆกันกระจายทั่วโลก
เอ็ดรี กล่าวว่าในฐานะที่เป็นชาวอิสราเอล พวกเขาเกิดมาด้วยความพร้อม สำหรับประเทศของเขาแล้ว เขาพร้อมที่จะออกรบทุกเมื่อหากเกิดสงคราม อิสราเอลมีความพร้อมด้านการรบ แต่สำหรับครั้งนี้ พวกเขาต้องการจะส่งข้อความใหม่ออกไปว่า แม้ว่าพวกเขาจะพร้อมสำหรับการปกป้องประเทศ
แต่พวกเขาก็ไม่ต้องการจะทำสงคราม ซึ่งเขาหวังว่ารูปภาพและข้อความต่างๆ ที่ชาวอิสราเอลช่วยกันโพสต์ในเฟซบุ๊ก อาจจะช่วยเปลี่ยนแปลงบางอย่าง และป้องกันไม่ให้เกิดการปะทะได้
ในแฟนเพจ 'Israel-Loves-Iran' เต็มไปด้วยรูปภาพของชาวอิสราเอล ที่ถือป้ายหลากหลายแบบ ส่งสารที่ได้ใจความว่า ชาวอิหร่าน เรารักพวกคุณ และเราจะไม่มีวันทำสงครามกับคุณ ซึ่งผู้ก่อตั้งเพจในเฟซบุ๊ค ระบุว่าเขารู้สึกประหลาดใจอย่างมากเมื่อเห็นชาวอิหร่านที่อาศัยอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก ตอบรับอย่างกว้างขวาง
เพียงไม่ถึง 24 ชั่วโมง หลังจากที่เขาโพสต์ข้อความลงไป ก็มีชาวอิหร่านมากดไลค์ และโพสต์ข้อความตอบรับจำนวนมาก อาทิ ใช่ พวกเรารู้แล้ว เราก็รักพวกคุณเช่นกัน โดยหลังจากที่แฟนเพจดังกล่าวได้รับผลตอบรับอย่างดี ประเทศเยอรมนีและโปแลนด์ ซึ่งมีความขัดแย้ง ก็เปิดแฟนเพจลักษณะนี้ขึ้นมาเช่นกัน
ซึ่งชาวอิสราเอลและชาวอิหร่านหวังว่าข้อความเหล่านี้ จะส่งผ่านไปถึงบุคคลในรัฐบาล ให้ผู้นำของพวกเขา เข้าใจถึงความต้องการของประชาชน ที่ไม่อยากให้มีสงครามเกิดขึ้น
ความคิดเห็นของคนในโลกออนไลน์ ก็สอดคล้องผลสำรวจความคิดเห็นที่ระบุว่า ชาวอิสราเอล 3 ใน 4 จะคัดค้านการใช้กำลังโจมตีอิหร่าน หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ต่อกรณีความขัดแย้งด้านโครงการนิวเคลียร์ กระแสต่อต้านสงครามนี้ ทำให้ชาวอิสราเอลหลายร้อยคนร่วมตัวกันที่ใจกลางกรุงเทล อาวีฟ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เรียกร้องให้ผู้นำของพวกเขา อย่าเปิดฉากทำสงครามกับอิหร่าน