9 บทเรียนทองของสตีฟ จอบส์

26 ก.ย. 2556
จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 118 กันยายน 2553 โดย บุญสิตา

9 คำพูดที่ดีที่สุดที่คัดเลือกมานี้ จะช่วยให้คุณทำงานได้สำเร็จตามสไตล์ซีอีโอแสนล้าน

1. สตีฟ จอบส์ พูดว่า

“นวัตกรรมเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างผู้นำและผู้ตาม”
นวัตกรรมหรือวิธีการใหม่ เป็นสิ่งไร้ขีดจำกัด มีเพียงจินตนาการเท่านั้นที่มีขอบเขต ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องเริ่มคิดนอกกรอบ ถ้าคุณทำงานในภาคธุรกิจที่กำลังเติบโต ต้องรู้จักคิดหาทางทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้ลูกค้าพึงพอใจ และอยากจะทำธุรกรรมด้วย แต่ถ้าคุณอยู่ในธุรกิจที่กำลังหดตัว ต้องรีบออกมาจากธุรกิจนั้นโดยเร็ว และเปลี่ยนแปลงก่อนที่คุณจะกลายเป็นคนตกยุค ตกงาน หรือธุรกิจล่มสลาย และต้องจำไว้เสมอว่า คุณจะผัดวันประกันพรุ่งไม่ได้ ต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงเดี๋ยวนี้

2. สตีฟ จอบส์ พูดว่า

“จงเป็นคนที่มีคุณภาพสูง คนบางคนไม่เคยชินกับการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่คาดหวังความเป็นเลิศ”
ไม่ มีหนทางลัดสู่ความเป็นเลิศ คุณจะต้องตั้งใจและให้ความสำคัญ ใช้ความสามารถ ทักษะ และพรสวรรค์ที่มี พยายามทำให้มากกว่าคนอื่น มีมาตรฐานสูงกว่า และใส่ใจในรายละเอียดที่ทำให้เกิดความแตกต่าง ความเป็นเลิศไม่ใช่เรื่องยาก แต่คุณต้องลงมือทำทันที แล้วคุณจะประหลาดใจในสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นในชีวิต

3. สตีฟ จอบส์ พูดว่า

“วิธีเดียวที่จะทำงานให้ได้ผลดีเยี่ยม คือ คุณต้องรักในสิ่งที่ทำ ถ้าคุณยังไม่เจอสิ่งที่รักในตอนนี้ จงมองหาไปเรื่อยๆ อย่าด่วนสรุป เพราะมันเป็นเรื่องของหัวใจ คุณจะรู้ได้เอง เมื่อเจอสิ่งที่รัก”
จงทำในสิ่งที่รัก มองหาอาชีพการงานที่ทำให้คุณมีจุดประสงค์ ทิศทาง และความพึงพอใจในชีวิต เมื่อคุณมีเป้าหมายและพยายามไปให้ถึง มันจะทำให้ชีวิตของคุณมีความหมาย ทิศทาง และความพอใจ ซึ่งไม่เพียงช่วยให้มีสุขภาพดีและอายุยืนยาว แต่ยังจะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นเมื่อต้องเผชิญอุปสรรค

4. สตีฟ จอบส์ พูดว่า

“คุณก็รู้ว่า อาหารส่วนใหญ่ที่เรากิน เราไม่ได้ผลิตด้วยตัวเราเอง เราสวมใส่เสื้อผ้าที่คนอื่นผลิต เราพูดภาษาที่คนอื่นพัฒนาขึ้น เราใช้คณิตศาสตร์ที่คนอื่นค่อยๆปรับปรุงมาเรื่อยๆ ผมหมายถึงว่า เราเป็นฝ่ายรับอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้น คงเป็นความรู้สึกที่น่าปลาบปลื้มอย่างยิ่งที่เราสามารถสร้างสรรค์บางสิ่ง บางอย่าง ที่เป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ”
จงใช้ชีวิตตามหลักศีลธรรม พยายามทำให้เกิดความแตกต่างบนโลกใบนี้และมีส่วนร่วมให้เกิดสิ่งที่ดีงามยิ่ง ขึ้น คุณจะพบว่า มันจะทำให้ชีวิตของคุณมีความหมายมากยิ่งขึ้น แถมยังเป็นยาแก้ความเบื่อหน่ายที่ได้ผลดีอีกด้วย ลองมองไปรอบๆตัว แล้วคุณจะพบว่า มีสิ่งต่างๆให้คุณทำอยู่เสมอ และจงพูดคุยกับผู้อื่นถึงสิ่งที่คุณกำลังทำ แต่อย่าพร่ำสอน หรือคิดว่าตัวเองถูกต้อง หรือหลงตัวเอง เพราะจะทำให้คนอื่นไม่อยากคุยด้วย ขณะเดียวกัน คุณต้องไม่กลัวที่จะทำตนเป็นตัวอย่าง และใช้โอกาสที่มี บอกเล่าถึงสิ่งที่คุณกำลังทำ

5. สตีฟ จอบส์ พูดว่า

“มีคำพูดในพุทธศาสนาว่า จิตของผู้เริ่มต้น มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างยิ่งที่ทุกคนควรจะมีจิตของผู้เริ่มต้น”

ซึ่งเขาอธิบายต่อไปว่า มันเป็นจิตที่มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างตามความ เป็นจริง ซึ่งค่อยๆทำให้เราตระหนักถึงแก่นแท้ของสิ่งเหล่านั้น จิตของผู้เริ่มต้น ก็คือการนำหลักการของเซนมาปฏิบัติจริง เป็นจิตบริสุทธิ์ที่ปราศจากอคติ การคาดหวัง การตัดสิน ความลำเอียง ให้คิดว่า จิตของผู้เริ่มต้น เป็นเหมือนจิตของเด็กน้อย ซึ่งเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ความสงสัย และความประหลาดใจ

6. สตีฟ จอบส์ พูดว่า

“เราคิดว่า โดยทั่วไปแล้ว คุณดูโทรทัศน์เพื่อพักสมอง และคุณใช้คอมพิวเตอร์ เมื่อต้องการให้สมองทำงาน”

ใน รอบ 10 ปีที่ผ่านมา มีรายงานการศึกษาจำนวนมากที่ยืนยันหนักแน่นว่า การดูทีวีส่งผลเสียด้านจิตใจและมีอิทธิพลด้านศีลธรรม และคนที่ติดทีวีส่วนมาก แม้จะรู้ว่า มันทำให้ชินชาและเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ แต่ก็ยังใช้เวลาส่วนใหญ่นั่งอยู่หน้าจอสี่เหลี่ยม ดังนั้น จงปิดทีวีซะ เพื่อถนอมเซลล์สมอง แต่ต้องระวัง เพราะการใช้คอมพิวเตอร์ก็อาจเป็นการพักสมองได้เช่นกัน ลองเปลี่ยนมาเล่นเกมที่พัฒนาสติปัญญาดีกว่า

7. สตีฟ จอบส์ พูดว่า

“ผมสูญเงินไป 250 ล้านดอลลาร์ภายใน 1 ปี มันทำให้ผมรู้จักตนเองดีขึ้น”
อย่า มองว่า การทำผิดกับความผิดเป็นเรื่องเท่าเทียมกัน เพราะคนที่ประสบความสำเร็จ โดยไม่เคยล้มเหลวหรือทำผิดเลยนั้น ไม่มีหรอก มีแต่คนที่ประสบความสำเร็จ เคยทำผิดพลาดและรู้จักเปลี่ยนแปลงแก้ไข เพื่อทำให้ถูกต้องในครั้งต่อไป พวกเขามองความผิดพลาดเป็นเครื่องเตือนสติ มากกว่าความสิ้นหวัง การไม่เคยทำผิดเลย แสดงว่า คนนั้นไม่เคยใช้ชีวิตอย่างเต็มที่

8. สตีฟ จอบส์ พูดว่า

“ในโลกนี้ไม่เคยมีใครที่ไม่เคยทำผิดพลาด เราเกิดมาบนโลกใบนี้แล้วก็ได้ทำสิ่งผิดพลาดเช่นกัน ไม่งั้นแล้ว เราจะเกิดมาทำไม”

คุณรู้หรือไม่ว่า มีเรื่องใหญ่ๆหลายเรื่องที่ต้องทำให้สำเร็จในชีวิต และรู้หรือไม่ว่า เรื่องสำคัญเหล่านั้นจะถูกฝุ่นจับ เมื่อคุณใช้เวลามัวแต่นั่งคิดมากกว่าลงมือทำ เราทุกคนล้วนเกิดมาพร้อมของขวัญชิ้นหนึ่งที่จะมอบให้กับชีวิตของเราเอง ของขวัญที่เต็มไปด้วยความปรารถนา ความสนใจ ความหลงใหล และความอยากรู้อยากเห็น ของขวัญชิ้นนี้ แท้จริงแล้ว มันคือเป้าหมายของเรานั่นเอง และคุณตั้งเป้าหมายของคุณได้โดยไม่ต้องขออนุญาตใครทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้างาน ครู พ่อแม่ นักบวช หรือเจ้าหน้าที่ ก็ไม่อาจเลือกเป้าหมายให้คุณได้ คุณต้องหาจุดมุ่งหมายด้วยตัวคุณเอง

9. สตีฟ จอบส์ พูดว่า

“เวลาของคุณมีจำกัด จงอย่าเสียเวลาใช้ชีวิตตามแบบคนอื่น อย่าติดอยู่ในหลักความเชื่อ ซึ่งทำให้คุณใช้ชีวิตตามผลความคิดของผู้อื่น อย่ายอมให้เสียงความคิดของคนอื่น มากลบเสียงที่อยู่ภายในตัวของคุณ และทีสำคัญที่สุด คือ คุณต้องมีความกล้า ที่จะทำตามหัวใจปรารถนาและสัญชาติญาณ เพราะมันรู้ดีว่า จริงๆแล้ว คุณต้องการเป็นอะไร เรื่องอื่นๆกลายเป็นเรื่องรองไปโดยสิ้นเชิง”

คุณ เบื่อหรือเปล่าต่อการใช้ชีวิตตามความฝันของคนอื่น ไม่ต้องสงสัยเลย ก็มันเป็นชีวิตของคุณเอง คุณมีสิทธิใช้ชีวิตในแบบที่คุณต้องการ โดยไม่ต้องมีใครมาคอยขัดขวาง ลองให้โอกาสตัวเองฝึกความคิดริเริ่มในบรรยากาศที่ปราศจากความกลัวและแรงกด ดัน จงใช้ชีวิตตามแบบที่คุณเลือก และเป็นเจ้านายตัวเอง
Read more ...

ปัญหาทางการเงินกับความคิด

4 ก.ย. 2556
โดยศิริพงษ์ วิทยวิโรจน์ :มติชนรายวัน 2 ก.ย.2556

ที่ช็อปปิ้งมอลล์แห่งหนึ่งในเมืองลอว์เรนซ์วิล รัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เอลดาร์ ชาฟีร์ นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน กับทีมงานของเขาสุ่มตัวอย่างคนอเมริกันซึ่งมีรายได้ต่างกันโดยรายได้ต่ำสุด ประมาณ 20,000 เหรียญสหรัฐ และระดับเฉลี่ยประมาณ 70,000 เหรียญ

กลุ่มตัวอย่างที่สมัครใจจะต้องแก้ไขปริศนาที่เป็นเหมือนกับแบบทดสอบไอคิวอย่างหนึ่ง แต่ก่อนจะเริ่มทำพวกเขาจะต้องตอบคำถามคำถามหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องเงิน คำถามที่ว่าก็คือ หากรถยนต์เสีย และจำเป็นต้องใช้เงินจำนวน .... เหรียญ พวกเขามีทางเลือกอะไรบ้าง

คำถามดังกล่าวเป็นการกระตุ้นให้คนคิดถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ ในกระเป๋าก่อนที่จะเริ่มการทดสอบไขปริศนา และจากผลการทดสอบที่ออกมาพบว่าคนที่มีรายได้น้อยแก้ไขปริศนาได้ดีพอๆ กับคนที่มีรายได้มากเมื่อจำนวนเงินที่ใช้ในการซ่อมรถต่ำประมาณ 100 เหรียญ

แต่เมื่อจำนวนเงินที่ต้องใช้ในการซ่อมรถสูงขึ้นไปถึง 1,500 เหรียญ คนที่มีรายได้น้อยกว่าก็จะทำแบบทดสอบออกมาได้แย่กว่า

แนวโน้มทำนองเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับกลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นชาวไร่อ้อยในอินเดีย ที่ทีมงานเข้าไปศึกษา ชาวไร่อ้อยเหล่านั้นมีรายได้จากการปลูกอ้อยเพียงปีละครั้ง ก่อนถึงฤดูการเก็บเกี่ยวคนเหล่านี้จะเครียดกับเรื่องการเงิน แต่ทันทีที่เก็บเกี่ยวอ้อยเสร็จจะผ่อนคลาย ผลจากการทดสอบพบว่าหลังจากการเก็บเกี่ยวซึ่งชาวไร่อ้อยอินเดียได้รับเงินแล้วจะแก้ไขปริศนาได้ดีกว่าก่อนการเก็บเกี่ยว

แน่นอนว่าเมื่อคนมีปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ เข้ามาสมองก็จะหมกมุ่นอยู่กับปัญหาเหล่านั้นเป็นธรรมดา มันกินทั้งเวลาและพลังงาน ทำให้ความสามารถในการคิดให้ชัด หรือการคิดเรื่อง อื่นๆ ลดน้อยถอยลง

เรื่องนี้ดูเผินๆ ก็เหมือนเป็นเรื่องธรรมดาที่รู้อยู่แล้ว แต่ผลกระทบของมันจากการศึกษาของชาฟีร์และคณะพบว่ามันไม่ธรรมดา

เพราะหลังจากกระตุ้นให้คนคิดถึงปัญหาเรื่องเงินแล้ว ปรากฏว่าประสิทธิภาพในการแก้ไขปริศนาจากการทดสอบลดลงอย่างน้อย 1 ใน 4 เทียบเท่ากับคนอดหลับอดนอนตลอดคืนเลยทีเดียว

และนี่ไม่ใช่ปัญหาความยากจน แม้ว่าความยากจนจะทำให้คนมีโอกาสมีปัญหาการเงินมากกว่าก็ตาม

เซนด์ฮิล มัลเลนนาธาน นักเศรษฐศาสตร์ที่ร่วมการศึกษาครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่ากลุ่มตัวอย่างทั้งในนิวเจอร์ซีย์และในอินเดียต่างก็ไม่ใช่คนยากจนเมื่อพิจารณาจากรายได้ แต่เป็นคนที่ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันทางการเงิน สิ่งที่ตามมาก็คือประสิทธิภาพในการคิดและการทำงานลดลง เพราะมัวแต่คิดเรื่องเงินๆ ทองๆ ในชีวิตประจำวัน

ชาฟีร์ให้แง่คิดว่าที่จริงแล้วไม่ใช่ว่าคนจนไม่ฉลาดหรือมีความสามารถในการวางแผนเท่าคนรวย "เมื่อคนจนพุ่งเป้าไปในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง พวกเขาสามารถจัดการเรื่องเงินได้ดีกว่าคนรวยด้วยซ้ำ แต่เมื่อทำอย่างนั้นได้ดีมาก พวกเขาก็ให้ความสนใจกับเรื่องอื่นๆ น้อยลง"

ผลกระทบจากปัญหาเงินๆ ทองๆ บั่นทอนความสามารถในการคิดของคนลงได้มาก ปัญหาอยู่ที่ว่าจะบริหารจัดการ "การคิด" ของเราได้อย่างไร

ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยที่จะเอาปัญหาเรื่องเงินออกไปจากความคิด แม้จะเอาออกไปแบบชั่วคราวเพื่อแบ่งให้สมองได้คิดเรื่องอื่นๆ ให้ชัดขึ้น

ถ้าทำได้ก็ดี
Read more ...

กลับหัวคิด 31: ทำงานด้วยวิธีเล่นๆ

3 ก.ย. 2556
โดยเกรียงไกร กาญจนะโภคิน นสพ.ไทยรัฐออนไลน์ เมื่อ 18 มิ.ย.2556

เวลาที่ผมได้รับเชิญไปบรรยายที่ไหน ผมมักจะถูกถามเสมอว่า “เคยคิดงานไม่ออกบ้างหรือไม่” “เคยตันบ้างหรือเปล่า” ผมก็จะตอบกลับไปว่า ไม่เคย ซึ่งเป็นคำตอบที่น่าหมั่นไส้มากครับ และผมก็ทราบดีว่าคำตอบของผมจะสร้างความรู้สึกแบบนั้นกับคนฟัง แต่ท่านผู้อ่านเชื่อไหมครับ ว่าผมไม่เคยคิดไม่ออกจริงๆ แต่สิ่งที่เราคิดออกในช่วงเวลานั้น มันก็อาจจะมีสิ่งดีกว่าก็เป็นได้

หลายๆ คนก็ถามผมต่อไปอีกว่า มีเคล็ดลับอะไรที่ทำให้ผมคิดมันออกได้ทุกครั้ง วิธีการของผม ซึ่งกลายไปเป็นวัฒนธรรมองค์กรด้วยก็คือ การสร้างบรรยากาศในองค์กร ในการประชุมให้สนุกที่สุด ไม่มีบรรยากาศของความเครียดเข้ามาสู่การประชุม แม้เรื่องที่คิดอยู่มันจะยากเย็นแสนเข็ญเพียงไรมันก็จะสามารถคิดออกมาให้ได้ โดยธรรมชาติของผมเป็นคนติดตลก ก็เลยไม่ชอบสร้างบรรยากาศในการทำงานให้มันเครียด

ผมชอบบรรยากาศห้องประชุมที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เพราะสุดท้ายไอเดียดีๆ มันจะตามมาเสมอ อย่างตอนนี้ผมนั่งอยู่ที่สนามบิน Frankfurt เพื่อรอขึ้นเครื่องกลับประเทศไทย ผมมาดูงานกับคณะที่ผมไม่รู้จักใครเลยสักคนและเขาก็ไม่รู้จักผมด้วย ผมก็อาศัยความสนุกสนานของผม สร้างบรรยากาศจนทำให้บรรยากาศเครียดๆ ในคณะหมดไป และเมื่อเริ่มรู้ว่าผมทำงานอะไร ก็เริ่มมีคำถามที่เกี่ยวกับการมีที่มาของความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งผมก็บอกว่ามี

หนึ่งข้อคือ ผมไม่ชอบความเครียด ผมชอบสร้างความสนุกในห้องประชุม เพราะเมื่อบรรยากาศในห้องสนุก ทุกคนก็จะกล้าพูดมากกว่าในห้องประชุมเครียดๆ

ข้อสองคือ ผมเป็นคนไม่ถือตัว ผมจะสนิทกับน้องที่ทำงานมาก ไม่ได้วางตัวเป็นผู้บังคับบัญชา สามารถคุยเล่นกันได้อย่างเป็นกันเอง เพราะผมเชื่อว่าจะทำให้ทุกคนไม่เกร็ง ซึ่งแม้กระทั่งเด็กฝึกงานก็สามารถออกความคิดเห็นได้ ซึ่งผมก็เคยได้ไอเดียดีๆ มาจากเด็กฝึกงานและนำออกมาใช้ได้จริงมาแล้ว เพราะอย่างที่ผมเคยบอกครับ ไอเดียดีๆ ไม่ได้มาจากตำแหน่งหรืออายุ

ในคณะถามผมต่ออีกว่า แล้วการที่ผมสนิทกับเด็กๆ แบบนี้ จะไม่เสียการปกครองหรือ เพราะองค์กรแบบไทยๆ มักคำนึงถึงเรื่องแบบนี้เสมอ ผมเลยอธิบายต่อว่า เด็กใน Index บริษัทของผม ผมจะต้องทำให้เขาเคารพผม จากสิ่งที่ผมคิด จากสิ่งที่ผมทำ มากกว่าตำแหน่งที่ผมมี ดีกว่าที่จะเคารพกันที่ตำแหน่งครับ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีนะครับ เพราะนั่นเท่ากับเขายอมรับเราด้วยความรู้สึกยอมรับจริงๆ ไม่ใช่การยอมรับแค่หน้าที่เท่านั้น ซึ่งจะเป็นการยอมรับด้วยอารมณ์และหัวใจ

อย่างในประเทศทางยุโรป เขาจะสร้างอนุสาวรีย์ให้กับผู้คนที่สร้างผลงานดีๆ ให้กับคนของเขา ซึ่งเป็นการเกิดจากการยอมรับในงานที่เขาทำ ไม่ใช่ตำแหน่งที่เขามี หลายๆ คนสร้างผลงานที่เป็นงานด้านศิลปะ วรรณกรรม วิทยาศาสตร์ การแพทย์ โดยไม่ต้องมีตำแหน่งใหญ่โต แต่เขาก็สร้างอนุสาวรีย์ยกย่อง บ้านเราควรจะต้องหันมาดูใส่ใจเรื่องผลที่เขาทำมากกว่าตำแหน่งที่เขามี ผมอยากเห็นรูปปั้นศิลปินดังๆ นักกีฬา คนทำชื่อเสียงของบ้านเรามีอนุสาวรีย์บ้าง เพื่อจะได้เป็นแรงจูงใจให้เยวชนรุ่นหลัง อยากเป็น อย่างเก่งแบบเขาบ้าง

เขียนไปเขียนมามาลงเอยเรื่องนี้ได้อย่างไรก็ไม่ทราบ อย่างงี้เรียกว่านิ้วพาไปจริงๆ ครับ ซึ่งก็คงเป็นสไตล์ การเขียนของผม ซึ่งไม่เคยคิดทั้งเรื่องว่าจะเขียนอะไร คิดแค่ Topic เสร็จแล้ว ก็เขียนมันไปเรื่อยๆ ตามอารมณ์ตัวหนังสือจะพาไป นั่นก็คงเป็นวิธีการทำงานแบบของผม คือมีแค่เฟรมกว้างไว้แล้ว ข้างในจะเล่นอะไรขึ้นกับสมองของเราจะพาไป แต่มีเป้าหมายว่าต้องเป็นที่ยอมรับของคนส่วนใหญ่ นี่ก็คือวิธีทำงานของผมครับ คือทำงานด้วยวิธีเล่นๆ และสนุกไปกับมัน แต่เป้าหมายชัดเจนว่าผลงานต้องออกมาดีที่สุด
Read more ...

คนไทยเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ได้ไม่เท่าฝรั่งเมืองหนาว

3 ก.ย. 2556
เมื่อ 4 ก.ย.2556

อ่านบทความในไทยรัฐออนไลน์ เรื่อง นิสัยคนเมืองหนาวกับคนเมืองร้อน

คนเขียนบอกว่า ฝรั่งต้องต่อสู้กับอากาศหนาวเย็น จึงต้องเตรียมการณ์รับมือ และขยันอดออมทรัพยากรต่างๆ ไว้ เพื่อใช้ในฤดูหนาวจนเป็นนิสัย ซึ่งมีผลดีต่อคุณภาพของคนในประเทศเมืองหนาว

แต่คนไทย กินอยู่สบาย ในน้ำมีปลา มีผักหญ้าเก็บหากินได้ง่ายตลอดทั้งปี จึงไม่ต้องเตรียมการณ์อะไร ทำให้คนไทยไม่เก่งในเรื่องการเตรียมการณ์ แต่ก็ยังคุยว่าคนไทยเราแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเก่ง ซึ่งผู้เขียนไม่เห็นด้วยที่คนไทยคุยว่าตนเองเก่งเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องที่แสดงว่าคนไทยไม่ได้เตรียมการณ์ไว้ก่อน แต่อาศัยมาแก้ปัญหาเอาข้างหน้า ซึ่งก็คงเป็นนิสัยที่ติดตัวคนไทยไปอีกนานเท่านานอย่างแน่นอน
Read more ...

ทำงานตลอดเวลา

3 ก.ย. 2556
เมื่อ 4 ก.ย.2556

ผมได้อ่านบทความในไทยรัฐออนไลน์ เรื่อง คนบ้างาน พูดถึง คุณต๊อบ เจ้าของธุรกิจสาหร่ายทอดเถ้าแก่น้อย ซึ่งเป็นคนบ้างานทำงานตลอดเวลา แต่มีความสุข ดีกว่าคนส่วนใหญ่ที่ทำงานให้เสร็จ ๆ ไป เพื่อหาเงินไปสร้างความสุขระยะสั้น

ผมเกิดความคิดว่าต้องเอามาปรับใช้กับชีวิตตัวเองบ้างแล้ว ซึ่งจริง ๆ แล้วคนเราอาจเป็นอย่างคุณต๊อบก็ได้ เพราะทุกคนก็คิดอยู่ตลอดเวลา แต่ส่วนใหญ่อาจไม่ได้นำความรู้ ความคิดที่เกิดขึ้นไปใช้ในการทำงานของตนเอง

อย่างผมตอนนี้ แม้จะนั่งอ่านเน็ตมาหลายชั่วโมง ซึ่งผมคิดไปเองว่าไม่ได้งานอะไร จนมาเกิดไอเดียว่าการนั่งอ่านเน็ตก็ได้งาน ได้ไอเดียดี ๆ นำไปใช้ในชีวิต ในการทำงานตำรวจของผมเอง นำไปใช้ในการหาเงินจากการลงทุนได้ สามารถนำไอเดียมาเขียนบล็อกนี้ เกิดเป็นผลผลิตขึ้นมา และทำให้ผมทำบล็อกต่อ ๆ ไป ซึ่งเป็นประโยชน์กับชีวิตผมอย่างแน่นอน
Read more ...

ความคิดเห็นล่าสุด

Recent Comments Widget