47 โรนิน

25 ส.ค. 2553

ตำนาน 47 โรนิน ภายใต้การเรียบเรียงในชื่อ THE STORY OF 47 RONIN ซึ่งเขียนในภาคภาษาอังกฤษ โดย JOHN ALLYN ไม่เพียงได้รับการยอมรับในเชิงความงามจากข้อเขียน และคุณค่าสำคัญว่า สามารถถ่ายทอดคุณค่าในแง่มุมแห่งตัวตน และจิตวิญญาณของบูชิโด ได้อย่างแจ่มชัด

เลือดเนื้อลมหายใจแห่งบูชิโด นับถือเกียรติยศและศักดิ์ศรี ดุจลมหายใจในแต่ละย่างก้าวของชีวิต ในทุกขั้นตอนของความเป็นซามูไรซึ่งมีค่ามากกว่าชีวิต ได้สร้างความยิ่งใหญ่ตราตรึงในทุกครั้งที่ได้นั่งอ่าน จากเรื่องราวแห่งเกียรติยศซึ่งนำกลับคืนสู่นายผู้ล่วงลับ

ด้วยความจงรักภักดีจากชีวิต เพื่อทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างในโลกของเหล่าซามูไร ผู้เลือกจะมีเพียงนายหนึ่งเดียวของชีวิต

เรื่องราวเพื่อการเดินทางสู่ความตาย อาจเบาบางเพียงลมหายใจซึ่งออกจากร่าง แต่ไม่ใช่เพียงข้อความจากเรื่องบอกเล่าเพื่อความสนุกสนาน ปริศนาอันง่ายดายของการถกเถียง ที่ซับซ้อนขึ้นมาพร้อมดาบสองเล่ม เกิดขึ้นจากขั้นตอนในการฝึกฝนตนเอง เพื่อการดำรงอยู่ในท่ามกลางเกียรติยศ อันมิใช่เรื่องง่าย และไม่ใช่วิถีทางที่ผู้คนทั่วไปจะสามารถปฏิบัติได้ ด้วยแต่ละก้าวเดินไปสู่หนทางแห่งความตาย ล้วนมีเกียรติยศเป็นเครื่องประดับใจ

ตัวเอกของเรื่องในบทบาทของหัวหน้าซามูไร แห่งปราสาทของไดเมียวผู้ล่วงลับอย่างอัปยศ นามของ โออิชิ เด่นชัดอย่างยิ่งสำหรับความเป็นมนุษย์ ซึ่งมีทั้งความหวาดหวั่นและหวาดกลัว ด้วยตัวตนดั่งเดิมของมนุษย์ผู้มีความรัก

นักดาบผู้มีฝีมือแห่งปราสาทบ้านนอก ซึ่งมีลูกและครอบครัวอันอบอุ่นเป็นเครื่องค้ำใจ แต่เมื่อบทพิสูจน์แห่งความภักดีได้เริ่มต้นขึ้น หลังได้ยินความสูญเสียของนาย จากเกียรติยศที่ไม่เพียงจะไม่ได้รับการยกย่อง ซ้ำยังถูกเติมความเจ็บแค้นด้วยการเย้ยหยัน จากความฉ้อฉลที่ผู้คนบางประเภท ซึ่งนิยมใช้ปากคำประหัตประหาร มากกว่าจะใช้ความกล้าหาญของดาบอันเป็นเกียรติยศซามูไรคอยตัดสิน

การยกย่องให้ความตายอันงดงามเป็นเกียรติยศขั้นสูงสุด จึงถูกลบล้างด้วยลมปากและความฉ้อฉล

คำถามภายในเนื้อเรื่อง ไม่เพียงพูดกับเราด้วยเรื่องราวของเกียรติยศและศักดิ์ศรี ที่คาดเดาได้ถึงบทสุดท้ายว่าเป็นความตายเท่านั้น แต่เนื้อเรื่องยังตั้งคำถามและสร้างโจทย์ให้กับเราอย่างค่อยเป็นค่อยไป ผ่านบททดสอบของตัวตน ผ่านการตีความด้วยคำพูดของผู้คนรอบข้าง ผ่านความอ่อนแอเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในใจ หรือกระทั่งการโหยไห้อาลัยกับความสูญเสียของคนรัก

แม้สามารถฝึกฝนตัวเองให้แข็งแกร่ง ให้ผ่านความยากลำบากมาได้เพียงใด คำถามเหล่านั้นก็ยังคอยวนเวียน

แต่เมื่อต้องทนเห็นคนที่ตนเองรัก ต้องทนทุกข์เจ็บปวด คำถามว่าจะสามารถอดทนได้มากเพียงใดนั้นคือสิ่งสำคัญ เพราะแม้เราจะเข็มแข็งจนไม่มีหยาดน้ำตา แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เราไม่อาจเข้มแข็งพอจะเห็นหยาดน้ำตาของคนที่เรารักได้เกิดขึ้นได้ มิหนำซ้ำหยาดน้ำเหล่านั้น ยังเกิดจากความใจแข็งของเรา

แรงปะทะของชีวิตจากภาพครอบครัวอันอบอุ่น มีภรรยาผู้งดงามเสียสละ ลูกสาวที่น่ารัก และลูกชายวัยหนุ่มที่เชื่อมั่นว่า จะเติบโตขึ้นมาเป็นซามูไรผู้กล้าหาญ พังทลายไปพร้อมกับนาย

ไดเมียวผู้นับเขาเป็นดั่งสหายร่วมรบ ยกย่องให้เกียรติจากการร่วมเส้นทางของชีวิตตั้งแต่วัยเยาว์ เกียรติยศทั้งหมดเดินไปพร้อมทำนองคลองธรรม เมื่อนายได้กล่าวสิ่งใด สิ่งนั้นคือสิ่งที่เขาต้องทำและปฏิบัติตาม ด้วยความสุขุมเยือกเย็น เลือกและปฏิบัติพร้อมกับความอดทนและการกระทำ

ในแต่ละบทประทับใจ โออิชิ ล้วนเป็นผู้กล่าวประโยคแห่งจิตวิญญาณ ในแทบทุกครั้งของความขัดแย้ง ในทุกครั้งที่ถูกตั้งคำถามถึงเส้นทาง และภารกิจอันพึงกระทำ เพื่อบรรลุผลแห่งการฝึกฝนด้วยเป้าหมายของจิตวิญญาณอันแท้จริง

เขากล่าวถึงจุดจบอันมีเกียรติและศักดิ์ศรี ในท่ามกลางความคลางแคลงใจของผู้ร่วมภารกิจว่า จงรักษาความเข้มแข็งนี้ไว้ดุจต้นอ้อ ที่ลู่ไปตามแรงของสายลมแห่งโชคชะตา

ไม่ว่าจะตีความในด้านใด ความงดงามของถ้อยประโยคได้บอกถึงการบรรลุต่อจุดมุ่งหมาย ไม่เพียงแต่สร้างความเข้าใจต่อวิถีปฏิบัติเท่านั้น แต่ดวงใจอันเข้มแข็ง ซึ่งจำต้องผูกพันตัวตนไว้กับวิถีปฏิบัติอันเข้มงวด คือสิ่งสำคัญคู่ขนานวิญญาณซึ่งถูกหล่อเลี้ยง

ตลอดระยะเวลาของการเติบโตเพื่อฝึกฝนตัวตนให้เป็นซามูไรที่มีเกียรติ เพียงพอให้เราเข้าใจว่า เส้นทางสู่เป้าหมายไม่ใช่เพียงหนทางแห่งการถกเถียง แต่คือการทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยศรัทธา

ซึ่งอาจยากลำบากในการฝืนตัวตนและจิตวิญญาณ เพื่อบรรลุผลสัมฤทธิ์แห่งจุดหมายปลายทาง แม้ว่าสิ่งเหล่านั้นอาจเจ็บปวดในระหว่างเส้นทางก็ตาม

คำอธิบายเพิ่มเติมถึงสิ่งที่เจ็บปวดว่า แม้จะสูญเสียสิ่งซึ่งตนรักไป แต่ไม่ควรจะสูญเสียศรัทธาในการนำมันกลับคืนมา ช่วยตอบเราได้ดีถึงแง่มุมแห่งการปฏิบัติฝึกฝนตัวตน

เพราะซามูไรไม่ใช่เพียงการพกดาบ ไม่ใช่การมีดาบก็เพียงพอจะเป็นได้

แต่เพราะสิ่งเหล่านี้อยู่ภายในจิตวิญญาณ และการฝึกฝนอันเข้มงวด ที่จะนำพาเขาเหล่านั้นไปสู่พลังอันยิ่งใหญ่

เมื่อถูกถามถึงความสับสนภายในใจของผู้ตาม ผู้นำเช่น โออิชิ ได้ตอบเรื่องราวทั้งมวล ด้วยข้อความสั้นๆว่า เมื่อสายลมของวันพรุ่งนี้พัดมาไม่ถึง ข้าจะกังวลก็ต่อเมื่อเวลานั้นมาถึง

ล้วนทำให้เรารับรู้ว่าการฝึกฝนอย่างหนักทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ ไม่เพียงสะท้อนออกมาเป็นคำพูดได้เท่านั้น แต่ต้องสะท้อนออกมาในทุกย่างก้าว ซึ่งต้องเข้มแข็ง

แม้ในยามที่ใจของเขาหวั่นไหว ความเจ็บปวดจากการสูญเสีย ยังไม่เท่ากับความเจ็บปวดจากการถูกผู้อื่นตีความและประณาม ในแต่ละขณะก้าวของผู้นำเช่นเขา เมื่อจำต้องพยายามให้บรรลุ คำว่ากลืนเลือดในปากซึ่งกลบฉ่ำของเขา คงไม่พอให้ใครเข้าใจได้ถึงแรงพยายามเหล่านั้น

คำกล่าวของโออิชิ ที่มีต่อลูกชายหลังถามถึงความตั้งใจเพื่อร่วมภารกิจแห่งความตาย เสมือนจะไม่ชมเชย พร้อมทั้งให้โอกาสผู้อื่นด้วยการผ่อนปรนอย่างเสมอ ช่างเป็นประโยคที่งดงาม เมื่อเขากล่าวว่า เจ้าก้าวเข้าสู่สมรภูมินี้ด้วยตนเอง

เท่าเทียมกับความงดงามของท่อนประโยคเพียงครั้งเดียวในเรื่องราว ซึ่งแทบจะสรุปหัวใจและแก่นแกนทั้งหมด ของภารกิจแห่งเกียรติยศศักดิ์ศรีครั้งนี้ไว้ เมื่อเขากล่าวเชื่อมโยงประโยคว่า บางคนจะหันหลังให้เรา ถ้ากลิ่นของสงครามโชยมา

จนกระทั่งบทสรุปแห่งจิตวิญญาณของผู้คนประเภทหนึ่ง ที่เป็นหัวใจแห่งเรื่องราวนี้ว่า คนบางคนใช้ชีวิตไปจนตาย โดยไม่รู้ว่าเส้นทางไหนที่ถูกต้อง พวกเขาล่องลอยไปตามกระแสลม และไม่ได้รู้ว่าแท้จริงแล้วตัวเองกำลังไปทางไหน นั่นเป็นชะตากรรมของคนส่วนใหญ่ ผู้ซึ่งไม่มีทางเลือกเหนือชะตากรรมของตน

สำหรับพวกเราผู้เกิดมาเป็นซามูไร ซึ่งมีชีวิตแตกต่างจากนั้น พวกเรารู้เส้นทางของหน้าที่ และเราก็ไปตามทางนั้นโดยปราศจากความสงสัย โดยสิ่งสำคัญที่โออิชิ ไม่ได้ตอบไว้กับคนอื่น เพื่อผลสุดท้ายในภารกิจ

พวกเขาจะได้มีโอกาสทิ้งเครื่องแบบอันยิ่งใหญ่ในใจ ไปสู่ดินแดนซึ่งมีชุดแห่งจิตวิญญาณประดับกายไว้ ในวันอันยิ่งใหญ่ของชีวิตเพื่อกลับคืนสู่ชีวิตปกติอีกครั้งหนึ่ง ชีวิตซึ่งมีเรื่องราวของการกลับคืนแห่งวิญญาณบริสุทธิ์

สู่เส้นทางไกลครั้งสุดท้ายด้วยลมหายใจจากชีวิตพวกเขาเหล่านั้น และจะมีคุณค่าใดที่ยิ่งใหญ่มากมายไปกว่านี้ เมื่อได้เข้าใจความหมายของชีวิต และเรายังต้องการสิ่งใดอีกเล่า นอกจากการได้รู้จุดหมายของตนเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นล่าสุด

Recent Comments Widget