ต้นกำเนิดนวัตกรรม (1) แค่ตั้งคำถาม ก็เปลี่ยนโลกได้

24 พ.ค. 2556
http://www.cglifeapp.com/index.php?option=com_content&view=article&id=293%3A-1--&catid=7%3Abooks-recommended&Itemid=81

โดย : วรวิสุทธิ์ ภิญโญยาง

ผมได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อว่า "The Innovator’s DNA" ของกูรูชื่อดังก้องโลกด้านนวัตกรรม พบว่ามีหลายประเด็นที่น่าสนใจและน่าหยิบมาฝาก

เมื่อสุดสัปดาห์ผมได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อว่า "The Innovator’s DNA" ของกูรูชื่อดังก้องโลกด้านนวัตกรรมและผู้ให้กำเนิดทฤษฎี "Disruptive Innovation" อย่าง ศาสตราจารย์เคลย์ตัน เอ็ม คริสเต็นเซ่น แห่ง Harvard Business School พบว่ามีหลายประเด็นที่น่าสนใจและน่าจะหยิบยกมาฝากท่านผู้อ่านคอลัมน์นี้

หนังสือเล่มนี้ เขียนโดยมีพื้นฐานมาจากงานวิจัยของศาสตราจารย์เคลย์ตัน ที่ต้องการค้นหาว่า แท้จริงแล้ว ต้นกำเนิดของนวัตกรรมต่างๆ นั้น มาจากคนประเภทไหน มีบุคลิก ลักษณะนิสัยเป็นอย่างไร และเขาเหล่านี้ แตกต่างจากบุคคลธรรมดาเช่นไร

งานวิจัยชิ้นนี้ เป็นการเก็บข้อมูลจากการสัมภาษณ์ ทำแบบสอบถาม จากกลุ่ม "นวัตกร" (Innovator) กว่า 500 คน และจากผู้บริหารระดับสูงมากกว่า 5 พันคนจาก 75 ประเทศทั่วโลก เพื่อกลั่นกรองหาคุณสมบัติร่วมของผู้ให้กำเนิดนวัตกรรม

ก่อนจะไปถึงคุณสมบัติที่ว่า มาลองดูครับว่างานวิจัยนี้มีประเด็นอะไรน่าสนใจบ้าง

ประเด็นแรก บริษัทที่มีนวัตกรรมที่โดดเด่น ทีมผู้บริหารจะต้องมีคนที่มีความคิดสร้างสรรค์สูงอยู่ในทีม ซึ่งเมื่อเทียบกับบริษัทปกติที่ทีมผู้บริหารเก่งแต่เฉพาะด้านการบริหาร จะไม่สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมอะไรออกมาได้เลย เพราะถนัดแต่การ "Execution" งานให้สำเร็จตามเป้าหมายที่ได้รับ

และไม่เพียงแค่ผู้บริหารเท่านั้นที่ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ที่ดี แต่ปัจจัยในองค์กร จะต้องเอื้ออำนวยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ ผ่านการพัฒนาใน 3 แกนหลัก คือ

People (คน) 
Process (ขั้นตอนการทำงาน) และ 
Philosophies (ปรัชญาขององค์กร) 

โดยพนักงานจะต้องผ่านการฝึกอบรม เคี่ยวกรำอย่างจริงจัง ทักษะความคิดสร้างสรรค์ จึงจะมีโอกาสก่อกำเนิดขึ้นมา

ที่น่าสนใจ คือ ในการวิจัย ได้ตั้งคำถามไปยังผู้บริหารระดับสูงทั้งหลายว่า "ทำอย่างไรพนักงานจะเกิดความคิดสร้างสรรค์" ท่านผู้บริหารส่วนใหญ่ก็จะตอบกลับมาว่า ให้พนักงานหัด "คิดนอกกรอบ" (Think out of the box) กันเกือบหมด ซึ่งเป็นคำตอบที่พนักงานบริษัทหลายๆ คน ได้รับจากผู้บริหารของตัวเอง

และเมื่องานวิจัยถามต่อไปว่า "ทำอย่างไรจึงจะคิดนอกกรอบได้" พบว่าท่านผู้บริหารกว่า 5 พันคนทั่วโลกนี้ แทบจะส่งกระดาษเปล่า ไม่มีใครสามารถตอบได้ และมีจำนวนหนึ่ง ตอบกลับมาเพียงแค่ว่า "Be creative" เท่านั้น

นั่นหมายความว่า ผู้บริหารระดับสูงทั้งหลาย ขาดความเข้าใจ ขาดทักษะในเรื่องของการใช้ความคิดสร้างสรรค์ ไม่สามารถบอกพนักงานของตัวเองได้ว่า จะสร้างความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ ให้แก่พนักงานในองค์กร ทำอย่างไร กลายเป็นคำพูดที่พูดลอยๆ เหมือนกันหมดทั้งโลกว่า ๐Think out of the box

ย้อนกลับไปเมื่อปี 1977 การตั้งคำถามของ สตีฟ จ็อบส์ ว่า "ทำไมคอมพิวเตอร์ต้องมีพัดลม" (เพื่อระบายความร้อนที่สร้างขึ้นมาจากอุปกรณ์ภายในคอมพิวเตอร์และระบบจ่ายไฟ) และ "เราสามารถทำให้คอมพิวเตอร์เย็นโดยไม่ต้องใช้พัดลมได้รึเปล่า" ซึ่งมาจากสาเหตุเพียงเพราะจ็อบส์รู้สึกว่า เสียงดังของพัดลมในคอมพิวเตอร์ทำให้เขาเสียสมาธิ

จ็อบส์จึงหาคนที่จะมาออกแบบระบบจ่ายไฟ (Power Supply) แบบใหม่ ที่สร้างความร้อนน้อยลง และทิ้งการออกแบบระบบจ่ายไฟแบบเดิมๆ ที่ใช้กันมานานถึง 40 ปีไป ทำให้แอ๊ปเปิ้ล ทู เป็นคอมพิวเตอร์ตัวแรกของโลกที่ไม่มีพัดลมระบายความร้อน และกลายเป็นพีซีที่เงียบ และเล็กที่สุดในยุคนั้น

"การตั้งคำถาม" (Questioning) เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เป็นคุณสมบัติแรกที่มีอยู่ในผู้ให้กำเนิดนวัตกรรมเกือบทุกคนที่อยู่ในงานวิจัย เช่น ปิแอร์ โอมิดยาร์ ผู้ก่อตั้งอีเบย์ มีคะแนนการตั้งคำถามสูงถึง 95% หรือจะเป็น ไมค์ ลาซาริดิส ซีอีโอของริม ผู้ผลิตแบล็คเบอร์รีก็เป็นคนที่มีทักษะการตั้งคำถามสูงถึง 96% เมื่อเทียบกับผู้บริหารทั่ว ๆ ไปที่มีทักษะการตั้งคำถามเฉลี่ยอยู่ที่ 40%

การตั้งคำถามเป็นทักษะง่ายๆ อย่างแรกที่จะช่วยให้คนเราคิดต่างไปจากเดิม เพราะคำถามที่ดี จะนำไปสู่คำตอบที่ใช่ ดังเช่นทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ที่มีผลการทดลอง พิสูจน์สมมติฐาน จนนำไปสู่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีต่างๆ มากมาย

สัปดาห์หน้า เรามาดูประเด็นที่น่าสนใจอื่นๆ ของหนังสือเล่มนี้ครับ

ติดตามอัพเดทใหม่ๆ เรื่องการตลาดและโซเชียลมีเดียได้ที่ www.facebook.com/MktHub และทวิตเตอร์ @worawisut นะครับ
Read more ...

รวมเคล็ดลับความมั่งคั่งสำหรับมนุษย์เงินเดือน

24 พ.ค. 2556
salary_jobs
มาถึงสัปดาห์นี้ ผมได้เขียนคอลัมน์นี้มาได้ประมาณหนึ่งปีแล้ว เลยอยากถือโอกาสนี้ทบทวนสักนิดว่า เคล็ดลับในการสร้างความมั่งคั่งสำหรับมนุษย์เงินเดือน ที่ผมได้เคยนำเสนอไปแล้วนั้น มีอะไรบ้าง
1. การซื้อบ้าน ถือเป็นทั้งการบริโภคและการลงทุน เพราะบ้านมักจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อถือครองไว้นานๆ ต่างกับ รถยนต์ ที่มูลค่ามีแต่จะลดลงไปเรื่อยๆหลังจากที่ซื้อ ดังนั้น ถ้าต้องเป็นหนี้เพราะซื้อบ้านก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหายอะไร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องเป็นบ้านที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองเท่านั้น ไม่ใช่กู้ซื้อบ้านเพื่อเก็งกำไร
2. พยายามมีค่าใช้จ่ายที่เป็นค่าดอกเบี้ยให้น้อยที่สุด ถ้าจำเป็นต้องซื้อรถยนต์ด้วยเงินผ่อน ก็ให้รีบใช้คืนให้เร็วที่สุดถ้ามีโอกาส ถ้าหากเป็นไปได้ ไม่ควรกู้เงินเพื่อนำมาใช้บริโภคเลย อยู่ให้ไกลจากสินเชื่อบุคคล สินเชื่อบัตรเครดิต
3. จงซื้อประกันเพราะมีความจำเป็นจริงๆ เท่านั้น อย่าซื้อแค่เพราะหวังผลตอบแทน
4. ความรวยไม่ได้วัดกันที่รายได้ แต่วัดกันที่เงินออม คนที่มีรายได้น้อยกว่าแต่ออมได้มากกว่าถือว่ารวยกว่า จงให้ความสำคัญกับการออมในระยะยาว พลังของดอกเบี้ยทบต้นจะสร้างมหัศจรรย์ให้กับการออม
5. ก่อนที่จะตัดสินใจทำอาชีพอิสระเพื่อแสวงหาอิสรภาพทางการเงิน อย่าลืมสำรวจความพร้อมทางด้านจิตใจของเราด้วย เพราะมันคือหนึ่งในปัจจัยความสำเร็จที่สำคัญมากทีเดียว
6. ทองคำ เป็นเครื่องปกป้องภาวะเงินเฟ้อชั่วคราวที่ดี แต่การถือทองคำไว้ในระยะยาว มักไม่ใช่กลยุทธ์ที่ดีเนื่องจากการถือทองคำไว้จะไม่ได้รับดอกเบี้ย
7. ในยุคโลกาภิวัตน์ อย่าลืมสะสมทุนทางปัญญา พยายามเปิดหูเปิดตารับรู้ข่าวสาร หาความรู้ใหม่ๆ ใส่ตัวอยู่เสมอ ถึงจุดหนึ่งทุนทางปัญญาจะพาเราไปสู่โอกาสที่ดีๆ ในชีวิตได้ อินเทอร์เน็ต ถือเป็นแหล่งความรู้ที่ราคาถูกที่สุด
8. เทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป จะทำให้วิถีชีวิตเปลี่ยนแปลงไปด้วย สิ่งที่เคยเหมาะสมกับคนในยุคก่อน อาจไม่เหมาะกับยุคนี้ก็ได้ อย่ายึดติดอยู่กับค่านิยมแบบเก่ามากจนเกินไป จงพยายามทำใจกว้าง ยอมรับสิ่งใหม่ๆเสมอ
9. การเกิดขึ้นของห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ เป็นสิ่งที่ดีกับผู้บริโภคอย่างเรา แต่อย่าติดกับดักการตลาดที่ล่อให้เราซื้อของมากเกินความจำเป็น เพียงเพื่อแลกกับส่วนลดที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น
10. แทนที่เราจะฝากความหวังทุกอย่างไว้กับภาครัฐ หรือรอคอยว่าเมื่อไรการเมืองจะนิ่ง ทัศนคติที่เชื่อว่าความสำเร็จทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเราเอง จะช่วยนำพาเราไปได้ไกลกว่า
11. ใส่ใจกับสุขภาพของตนเองตั้งแต่เนิ่นๆ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายเป็นประจำ ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ และอย่าปล่อยให้เครียด การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องที่ไม่ได้ใช้เงินมาก แต่จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพได้อย่างมากเมื่อแก่ตัวลง
12. ธุรกิจแฟรนไชส์เหมาะสำหรับผู้ที่มีความพร้อมเรื่องเงินทุนแล้ว แต่ขาดช่องทางในการทำธุรกิจ จงเลือกแฟรนไชส์ที่มี Track Record ที่ดี มากกว่าแฟรนไชส์ที่เรียกเก็บค่าแฟรนไชส์ถูกๆ
13. เงินฝากระยะสั้น แม้จะได้ดอกเบี้ยต่ำกว่า แต่ก็มีข้อดีตรงที่เสี่ยงต่อเงินเฟ้อและความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยในตลาดน้อยกว่า ดังนั้น การฝากประจำระยะสั้นที่สุด และเมื่อครบกำหนด ก็ขอต่อใหม่ไปเรื่อยๆ หรือการพักเงินเอาไว้ใน Money Market Fund มักเป็นกลยุทธ์ที่ดีกว่าการฝากประจำแบบระยะยาวๆ
14. จงออมเงินเกษียณส่วนหนึ่งไว้ในกองทุนรวมหุ้นที่เลียนแบบดัชนี เพราะจะได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าในขณะที่ความเสี่ยงไม่ได้สูงขึ้นมากนัก เนื่องจากเป็นการออมในระยะที่ยาวมากๆ
ลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันดูนะครับ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ข้อแนะนำที่ปฏิบัติได้ไม่ยากเหล่านี้ จะช่วยทำให้คุณภาพชีวิตในโลกยุคโลกาภิวัตน์ของคุณ ดีขึ้นบ้างไม่มากก็น้อยครับ
รวมเคล็ดลับความมั่งคั่ง
นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์ (กรุงเทพธุรกิจ)
Read more ...

สิ่งที่กูเกิลเชื่อมั่น

24 พ.ค. 2556
หลักการ 10 ข้อที่เรารู้ว่าเป็นจริง

เราเขียน "หลักการ 10 ข้อ" เหล่านี้เป็นครั้งแรกเมื่อ Google มีอายุเพียงไม่กี่ปี โดยเราได้เข้ามาดูว่าหลักการทั้งหมดนี้ยังคงเป็นจริงหรือไม่อยู่เรื่อยๆ เราหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น และคุณสามารถช่วยให้เราทำสิ่งนี้ได้

1. ยึดผู้ใช้เป็นหลักแล้วสิ่งอื่นๆ จะตามมา

นับเริ่มดำเนินการ เราได้มุ่งเน้นการให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แก่ผู้ใช้ ไม่ว่าเราจะออกแบบอินเทอร์เน็ตเบราว์เซอร์ใหม่หรือการเปลี่ยนแปลงหน้าตาให้กับหน้าแรกใหม่ เราระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้มั่นใจว่าการปรับเปลี่ยนต่างๆ จะให้ความสะดวกแก่คุณมากกว่าจะเน้นที่เป้าหมายหรือผลประกอบการของบริษัท ส่วนติดต่อผู้ใช้หน้าแรกของเราจึงเรียบง่ายและชัดเจน และหน้าเว็บต่างๆ ก็สามารถโหลดได้ทันที เราไม่เคยเสนอขายตำแหน่งในผลการค้นหาของเราให้ใคร และโฆษณาต่างๆ ก็ได้รับการระบุไว้ให้ทราบอย่างชัดเจน โดยนำเสนอเนื้อหาที่เกี่ยวข้องและไม่รบกวนการอ่านของคุณ นอกจากนี้ เมื่อเราสร้างเครื่องมือและแอปพลิเคชันใหม่ๆ ขึ้น เราก็เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้ควรใช้งานได้ดีสำหรับคุณเพื่อที่คุณจะไม่ต้องกังวลว่าทำไมจึงไม่ออกแบบเครื่องมือและแอปพลิเคชันในแบบอื่น

2. ทำแค่อย่างเดียวให้ดีมากๆ นั่นแหละดีที่สุด

เราทำการศึกษาวิจัย ด้วยกลุ่มนักวิจัยที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งเน้นที่การแก้ไขปัญหาการสืบค้นข้อมูลโดยเฉพาะ ทำให้เรามีความรู้ในสิ่งที่ทำเป็นอย่างดีและรู้ว่าจะปรับปรุงอย่างไรให้ดีขึ้น ความพยายามอย่างต่อเนื่องของเราในการแก้ไขปัญหายากๆ ทำให้เราสามารถแก้ไขเรื่องที่สลับซับซ้อนและทำการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อมอบบริการการค้นหาข้อมูลที่รวดเร็วและราบรื่นยิ่งขึ้นให้แก่ผู้คนหลายล้านคน ความมุ่งมั่นในการปรับปรุงการค้นหาของเราช่วยให้เราสามารถนำประสบการณ์มาปรับใช้กับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น Gmail และ Google แผนที่ เราหวังว่าจะสามารถขยายพลังอำนาจแห่งการค้นหาให้ครอบคลุมขอบข่ายของสิ่งที่ยังไม่ได้รับการสำรวจ และช่วยให้ผู้คนสามารถเข้าถึงและนำข้อมูลที่แผ่ขยายออกไปมากขึ้นนี้มาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น

3. เร็วย่อมดีกว่าช้า

เราทราบว่าเวลามีค่า ดังนั้นเมื่อคุณหาอะไรสักอย่างบนเว็บก็ย่อมอยากจะหาเจอในทันที และเรามุ่งมั่นที่จะทำให้คุณได้อย่างที่ตั้งใจ เราอาจเป็นผู้เดียวในโลกที่สามารถพูดได้ว่าเป้าหมายของเราคือการให้ผู้ใช้ออกจากหน้าเว็บของเราโดยเร็วที่สุด ด้วยการตัดบิตและไบต์ส่วนเกินออกจากหน้าของเราและเพิ่มประสิทธิภาพของสภาพแวดล้อมการให้บริการ เราจึงสามารถสร้างสถิติความเร็วใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อให้เวลาการตอบสนองต่อผลการค้นหาแต่ละครั้งใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาที เราคำนึงถึงอัตราเร็วเสมอเมื่อเราเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันสำหรับมือถือหรือ Google Chrome ซึ่งก็คือเบราว์เซอร์ที่ได้รับการออกแบบมาให้ทำงานรวดเร็วเพียงพอสำหรับเว็บสมัยใหม่ และเรายังคงพยายามต่อไปเพื่อทำให้ทั้งหมดนี้เร็วยิ่งขึ้นไปอีก

4. ประชาธิปไตยบนเว็บสามารถใช้งานได้

การค้นหาโดย Google ได้ผลเพราะอาศัยคนจำนวนหลายล้านคนที่ช่วยกันโพสต์ลิงก์บนเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อช่วยในการพิจารณาว่ามีไซต์ใดบ้างที่นำเสนอเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ เราประเมินความสำคัญของหน้าเว็บทุกหน้าโดยใช้สัญญาณจำนวนมากกว่า 200 สัญญาณและเทคนิคต่างๆ มากมาย รวมทั้งอัลกอริธึม PageRank™ ที่ได้รับสิทธิบัตรของเรา ซึ่งช่วยวิเคราะห์ว่าไซต์ได้รับการ "ลงคะแนน" โดยหน้าเว็บอื่นๆ ให้เป็นแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุด เมื่อเว็บมีขนาดใหญ่ขึ้น วิธีนี้ก็จะได้รับการปรับปรุงขึ้นตามไปด้วย เพราะไซต์ใหม่ๆ แต่ละไซต์จะเป็นแหล่งข้อมูลที่เพิ่มเติมเข้ามาและร่วมลงคะแนนด้วย ในทำนองเดียวกัน เรายังคงพัฒนาซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สอย่างต่อเนื่อง โดยความพยายามร่วมกันของบรรดาโปรแกรมเมอร์ของเราได้สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ

5. คุณไม่จำเป็นต้องอยู่ที่โต๊ะทำงานเพื่อค้นหาคำตอบ

โลกทุกวันนี้พัฒนาไปสู่ระบบเคลื่อนที่มากขึ้น ผู้คนต้องการเข้าถึงข้อมูลจากทุกที่และทุกเวลาที่พวกเขาต้องการ เรากำลังบุกเบิกเทคโนโลยีใหม่ๆ และเสนอโซลูชันใหม่ๆ ด้านบริการสำหรับมือถือเพื่อช่วยให้ผู้คนทั่วโลกสามารถทำงานต่างๆ มากมายโดยผ่านโทรศัพท์ นับตั้งแต่การเช็คอีเมลและกิจกรรมสำคัญบนปฏิทินไปจนถึงการดูวิดีโอ ทั้งนี้ยังไม่ต้องพูดถึงวิธีการอันหลากหลายในการเข้าถึงการค้นหาของ Google ผ่านโทรศัพท์ นอกจากนี้ เราหวังว่าจะสามารถสร้างนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้มือถือไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหนก็ตามด้วย Android แพลตฟอ ร์มระบบเคลื่อนที่แบบโอเพนซอร์สที่ให้บริการฟรีของเรา Android ช่วยเชื่อมโลกของอินเทอร์เน็ตเข้ากับโลกของมือถือ ซึ่งไม่เพียงเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคที่จะมีทางเลือกเพิ่มขึ้นและได้รับความพึงพอใจใหม่ๆ ที่สร้างสรรค์จากการใช้งานมือถือเท่านั้น หากยังสร้างรายได้ให้แก่ผู้ให้บริการ ผู้ผลิต และนักพัฒนาอีกด้วย

6.หาเงินได้โดยไม่ต้องทำสิ่งไม่ดี

Google เป็นธุรกิจ เรามีรายได้จากการเสนอเทคโนโลยีการค้นหาให้แก่บริษัทต่างๆ และจากการขายโฆษณาที่ปรากฏบนไซต์ของเรา ตลอดจนไซต์อื่นๆ บนเว็บ ผู้ลงโฆษณานับแสนรายทั่วโลกต่างใช้ AdWords ในการส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ของตน บรรดาผู้จัดพิมพ์หลายแสนรายได้รับประโยชน์จากโปรแกรม AdSense ของเราในการเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของไซต์ของตน ทั้งนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าเราสามารถให้บริการแก่ผู้ใช้ทั้งหมดของเราในท้ายที่สุด (ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นผู้ลงโฆษณาหรือไม่ก็ตาม) เราจึงได้จัดทำชุดหลักการคำแนะนำสำหรับโปรแกรม. โฆษณาและแนวทางปฏิบัติของเรา นั่นคือ:


เราไม่อนุญาตให้โฆษณาแสดงขึ้นในหน้าผลการค้นหาของเราเว้นแต่ว่าจะมีข้อมูลเชื่อมโยงกับข้อมูลในตำแหน่งที่แสดง และเราเชื่อมั่นอย่างจริงจังว่า โฆษณาสามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้ก็ต่อเมื่อโฆษณานั้นมีข้อมูลที่เชื่อมโยงกับสิ่งที่คุณต้องการค้นหา ดังนั้น จึงเป็นไปได้ว่าการค้นหาบางอย่างจะไม่นำไปสู่โฆษณาใดๆ เลย


เราเชื่อว่าโฆษณาสามารถมีประสิทธิภาพได้โดยไม่จำเป็นต้องหวือหวา เราไม่ยอมรับโฆษณาป๊อปอัปซึ่งรบกวนความสามารถในการดูเนื้อหาที่คุณได้ขอมา เราพบว่าโฆษณาในรูปข้อความที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่บุคคลอ่านอยู่จะจูงใจให้เกิดอัตราการคลิกดูสูงกว่าโฆษณาที่ปรากฏขึ้นแบบสุ่ม ผู้ลงโฆษณาไม่ว่ารายเล็กหรือรายใหญ่สามารถได้รับประโยชน์จากสื่อกลางที่เจาะได้ตรงกลุ่มเป้าหมายนี้


การโฆษณาใน Google มักได้รับการระบุอย่างชัดเจนว่าเป็น "ลิงก์ของผู้สนับสนุน" ดังนั้นจะไม่ส่งผลต่อความเที่ยงตรงของผลการค้นหาของเรา เราไม่เคยจัดการการจัดอันดับใดๆ เพื่อให้พันธมิตรของเราอยู่ในอันดับที่สูงกว่าในรายการผลการค้นหาของเรา และไม่มีใครสามารถซื้อเพจแรงก์ในอันดับที่ดีขึ้นได้ ผู้ใช้ของเราจึงเชื่อมั่นในความเป็นกลางของ Google และผลตอบแทนระยะสั้นใดๆ ก็ไม่สามารถทำลายความเชื่อมั่นนี้ลงได้

ข้อมูลใหม่ๆ เกิดขึ้นเสมอ

7.เมื่อเราได้สร้างดัชนีหน้า HTML ต่างๆ บนอินเทอร์เน็ตไว้มากกว่าบริการค้นหาอื่นๆ วิศวกรของเราจึงให้ความสำคัญกับข้อมูลที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ทันที บางครั้งก็เป็นแค่เรื่องของการรวมฐานข้อมูลใหม่ๆ เข้าไว้ในการค้นหาของเรา เช่น การเพิ่มการค้นหาหมายเลขโทรศัพท์ และที่อยู่ ตลอดจนไดเรกทอรีของธุรกิจ ความพยายามอื่นๆ อาจจำเป็นต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น เช่น การเพิ่มความสามารถในการค้นหาข่าวที่เก็บไว้ สิทธิบัตร วารสารทางวิชาการ รูปภาพนับพันล้านรูป และหนังสืออีกหลายล้านเล่ม และนักวิจัยของเรายังคงพยายามค้นหาวิธีเพื่อนำเสนอข้อมูลทั้งหมดในโลกให้แก่ผู้คนที่ต้องการค้นหาคำตอบ

ผู้คนในทุกแห่งหนต้องการข้อมูลเหมือนกัน

บริษัทของเราได้รับการก่อตั้งขึ้นในแคลิฟอร์เนีย แต่พันธกิจของเราคือการอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลทั่วโลกและในทุกภาษา เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ เราจึงมีสำนักงานในกว่า 60 ประเทศที่คอยดูแลรักษาโดเมนอินเทอร์เน็ตกว่า 180 โดเมนและให้บริการการค้นหาสำหรับผู้คนที่อยู่นอกสหรัฐอเมริกาเป็นจำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ใช้บริการทั้งหมดของเรา เรานำเสนออินเทอร์เฟซการค้นหาของ Google ในภาษาต่างๆ มากกว่า 130 ภาษา มอบความสามารถในการจำกัดผลลัพธ์ของเนื้อหาที่เขียนในภาษานั้นๆ และมุ่งให้บริการแอปพลิเคชันและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของเราในภาษาอื่นๆ และในรูปแบบที่สามารถเข้าถึงได้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ การใช้เครื่องมือการแปลของเราจะทำให้สามารถค้นหาเนื้อหาที่เขียนในอีกซีกโลกหนึ่งด้วยภาษาที่พวกเขาไม่ได้ใช้กัน ด้วยเครื่องมือต่างๆ เหล่านี้และความช่วยเหลือของอาสาสมัครนักแปล เราจึงสามารถปรับปรุงทั้งความหลากหลายและคุณภาพของบริการได้เป็นอย่างมาก และเราสามารถให้บริการต่างๆ แก่ผู้ที่แม้จะอยู่ในอีกมุมโลกที่ไกลโพ้นก็ตาม

คุณสามารถจริงจังได้โดยไม่ต้องใส่สูท

ผู้ก่อตั้งของเราสร้าง Google ขึ้นมาจากความคิดที่ว่าการทำงานควรจะท้าทาย และความท้าทายควรจะสนุก เราเชื่อว่าสิ่งที่ดีและสร้างสรรค์มักจะเกิดขึ้นในบรรยากาศที่ดีของบริษัท และนั่นไม่ได้หมายถึงการมีโคมไฟลาวาและลูกบอลยางเท่านั้น แต่ยังมีการให้ความสำคัญกับความสำเร็จของทีมงานและความภูมิใจในความสำเร็จของแต่ละบุคคลที่ส่งผลต่อความสำเร็จโดยรวมของเรา เราลงทุนเป็นอย่างมากเพื่อให้พนักงานที่มีความกระฉับกระเฉงและกระตือรือร้นซึ่งมีภูมิหลังที่แตกต่างกันไปของเรามีกลยุทธ์ที่สร้างสรรค์ในการทำงาน เล่น และใช้ชีวิต บรรยากาศของเราอาจจะสบายๆ แต่ความคิดใหม่มักจะเกิดขึ้นขณะเข้าแถวซื้อกาแฟ ในการประชุมกับทีมงาน หรือในที่ออกกำลังกาย ความคิดเหล่านี้จะถูกแลกเปลี่ยน ทดสอบ และนำไปลองใช้งานอย่างรวดเร็ว และอาจจะเป็นการเปิดตัวสำหรับโครงการใหม่ที่จะสามารถนำไปใช้งานทั่วโลกได้ในอนาคต

ถึงจะดีมากก็ยังไม่ดีพอ

เราเห็นการเป็นเลิศในด้านใดด้านหนึ่งเป็นจุดเริ่มต้น มิใช่จุดสิ้นสุด เราตั้งเป้าหมายที่เราเองก็ทราบดีว่ายากที่จะบรรลุผล เพราะเราคิดว่าการพยายามบรรลุเป้าหมายที่สูงเช่นนั้นจะทำให้เราไปไกลกว่าที่คาดไว้ เรามีเป้าหมายที่จะนำสิ่งที่ใช้การได้ดีอยู่แล้วมาพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นในรูปแบบที่ไม่คาดคิดด้วยนวัตกรรมและการฉีกแนว ตัวอย่างเช่น เมื่อวิศวกรคนหนึ่งของเราเห็นว่าการค้นหาจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อผู้ใช้สะกดคำอย่างถูกต้อง เขาจึงตั้งคำถามถึงวิธีการจัดการกับคำที่พิมพ์ผิด นั่นทำให้เขาสร้างสรรค์ตัวตรวจสอบการสะกดที่ใช้งานง่ายและเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

แม้ว่าคุณจะยังไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วคุณต้องการค้นหาอะไร แต่การหาคำตอบบนเว็บเป็นปัญหาของเราไม่ใช่ของคุณ เราพยายามที่จะคาดการณ์ความต้องการที่ยังไม่ชัดเจนของผู้ใช้ทั่วโลกของเรา และตอบสนองความต้องการเหล่านั้นด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่สร้างมาตรฐานใหม่ เมื่อเราเปิดตัว Gmail ก็ได้ให้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่มากกว่าพื้นที่ซึ่งบริการอีเมลอื่นๆ มีให้ เมื่อนึกทบทวนดู ข้อเสนอนี้อาจเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัด แต่นั่นเป็นเพราะปัจจุบันเรามีมาตรฐานใหม่สำหรับพื้นที่เก็บข้อมูลอีเมล สิ่งเหล่านี้คือความเปลี่ยนแปลงที่เราพยายามสร้างขึ้น และเรามักมองหาสถานที่ใหม่ๆ ที่จะสามารถสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นได้ ท้ายที่สุด ความไม่เคยพอใจในสิ่งที่เป็นอยู่นั้นเองที่กลายเป็นแรงผลักดันเบื้องหลังทุกสิ่งที่เราได้ทำขึ้น
Read more ...

9 บทเรียนทองของ สตีฟ จอบส์

24 พ.ค. 2556
9 คำพูดที่ดีที่สุดที่คัดเลือกมานี้ จะช่วยให้คุณทำงานได้สำเร็จตามสไตล์ซีอีโอแสนล้าน

1. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “นวัตกรรมเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างผู้นำและผู้ตาม”

นวัตกรรมหรือวิธีการใหม่ เป็นสิ่งไร้ขีดจำกัด มีเพียงจินตนาการเท่านั้นที่มีขอบเขต ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องเริ่มคิดนอกกรอบ ถ้าคุณทำงานในภาคธุรกิจที่กำลังเติบโต ต้องรู้จักคิดหาทางทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้ลูกค้าพึงพอใจ และอยากจะทำธุรกรรมด้วย แต่ถ้าคุณอยู่ในธุรกิจที่กำลังหดตัว ต้องรีบออกมาจากธุรกิจนั้นโดยเร็ว และเปลี่ยนแปลงก่อนที่คุณจะกลายเป็นคนตกยุค ตกงาน หรือธุรกิจล่มสลาย และต้องจำไว้เสมอว่า คุณจะผัดวันประกันพรุ่งไม่ได้ ต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงเดี๋ยวนี้

2. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “จงเป็นคนที่มีคุณภาพสูง คนบางคนไม่เคยชินกับการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่คาดหวังความเป็นเลิศ”

ไม่มีหนทางลัดสู่ความเป็นเลิศ คุณจะต้องตั้งใจและให้ความสำคัญ ใช้ความสามารถ ทักษะ และพรสวรรค์ที่มี พยายามทำให้มากกว่าคนอื่น มีมาตรฐานสูงกว่า และใส่ใจในรายละเอียดที่ทำให้เกิดความแตกต่างความเป็นเลิศไม่ใช่เรื่องยาก แต่คุณต้องลงมือทำทันที แล้วคุณจะประหลาดใจในสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นในชีวิต

3. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “วิธีเดียวที่จะทำงานให้ได้ผลดีเยี่ยม คือ คุณต้องรักในสิ่งที่ทำ ถ้าคุณยังไม่เจอสิ่งที่รักในตอนนี้ จงมองหาไปเรื่อยๆ อย่าด่วนสรุป เพราะมันเป็นเรื่องของหัวใจ คุณจะรู้ได้เอง เมื่อเจอสิ่งที่รัก”

จงทำในสิ่งที่รัก มองหาอาชีพการงานที่ทำให้คุณมีจุดประสงค์ ทิศทาง และความพึงพอใจในชีวิต เมื่อคุณมีเป้าหมายและพยายามไปให้ถึง มันจะทำให้ชีวิตของคุณมีความหมาย ทิศทาง และความพอใจ ซึ่งไม่เพียงช่วยให้มีสุขภาพดีและอายุยืนยาว แต่ยังจะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นเมื่อต้องเผชิญอุปสรรค

4. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “คุณก็รู้ว่า อาหารส่วนใหญ่ที่เรากิน เราไม่ได้ผลิตด้วยตัวเราเอง เราสวมใส่เสื้อผ้าที่คนอื่นผลิต เราพูดภาษาที่คนอื่นพัฒนาขึ้น เราใช้คณิตศาสตร์ที่คนอื่นค่อยๆปรับปรุงมาเรื่อยๆ ผมหมายถึงว่า เราเป็นฝ่ายรับอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้น คงเป็นความรู้สึกที่น่าปลาบปลื้มอย่างยิ่งที่เราสามารถสร้างสรรค์บางสิ่งบางอย่าง ที่เป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ”

จงใช้ชีวิตตามหลักศีลธรรม พยายามทำให้เกิดความแตกต่างบนโลกใบนี้และมีส่วนร่วมให้เกิดสิ่งที่ดีงามยิ่งขึ้น คุณจะพบว่า มันจะทำให้ชีวิตของคุณมีความหมายมากยิ่งขึ้น แถมยังเป็นยาแก้ความเบื่อหน่ายที่ได้ผลดีอีกด้วย

ลองมองไปรอบๆตัว แล้วคุณจะพบว่า มีสิ่งต่างๆให้คุณทำอยู่เสมอ และจงพูดคุยกับผู้อื่นถึงสิ่งที่คุณกำลังทำ แต่อย่าพร่ำสอน หรือคิดว่าตัวเองถูกต้อง หรือหลงตัวเอง เพราะจะทำให้คนอื่นไม่อยากคุยด้วย ขณะเดียวกัน คุณต้องไม่กลัวที่จะทำตนเป็นตัวอย่าง และใช้โอกาสที่มี บอกเล่าถึงสิ่งที่คุณกำลังทำ

5. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “มีคำพูดในพุทธศาสนาว่า จิตของผู้เริ่มต้น มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างยิ่งที่ทุกคนควรจะมีจิตของผู้เริ่มต้น” ซึ่งเขาอธิบายต่อไปว่า

มันเป็นจิตที่มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างตามความเป็นจริง ซึ่งค่อยๆทำให้เราตระหนักถึงแก่นแท้ของสิ่งเหล่านั้น จิตของผู้เริ่มต้น ก็คือ การนำหลักการของเซนมาปฏิบัติจริง เป็นจิตบริสุทธิ์ที่ปราศจากอคติ การคาดหวัง การตัดสิน ความลำเอียง ให้คิดว่า จิตของผู้เริ่มต้น เป็นเหมือนจิตของเด็กน้อย ซึ่งเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ความสงสัย และความประหลาดใจ

6. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “เราคิดว่า โดยทั่วไปแล้ว คุณดูโทรทัศน์เพื่อพักสมอง และคุณใช้คอมพิวเตอร์ เมื่อต้องการให้สมองทำงาน”
.
ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา มีรายงานการศึกษาจำนวนมากที่ยืนยันหนักแน่นว่า การดูทีวีส่งผลเสียด้านจิตใจและมีอิทธิพลด้านศีลธรรม และคนที่ติดทีวีส่วนมาก แม้จะรู้ว่ามันทำให้ชินชาและเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ แต่ก็ยังใช้เวลาส่วนใหญ่นั่งอยู่หน้าจอสี่เหลี่ยม ดังนั้น จงปิดทีวีซะ เพื่อถนอมเซลล์สมอง แต่ต้องระวัง เพราะการใช้คอมพิวเตอร์ก็อาจเป็นการพักสมองได้เช่นกัน ลองเปลี่ยนมาเล่นเกมที่พัฒนาสติปัญญาดีกว่า

7. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “ผมสูญเงินไป 250 ล้านดอลลาร์ภายใน 1 ปี มันทำให้ผมรู้จักตนเองดีขึ้น”

อย่ามองว่า การทำผิดกับความผิดเป็นเรื่องเท่าเทียมกัน เพราะคนที่ประสบความสำเร็จ โดยไม่เคยล้มเหลวหรือทำผิดเลยนั้นไม่มีหรอก มีแต่คนที่ประสบความสำเร็จ เคยทำผิดพลาดและรู้จักเปลี่ยนแปลงแก้ไข เพื่อทำให้ถูกต้องในครั้งต่อไป พวกเขามองความผิดพลาดเป็นเครื่องเตือนสติ มากกว่าความสิ้นหวัง การไม่เคยทำผิดเลย แสดงว่า คนนั้นไม่เคยใช้ชีวิตอย่างเต็มที่

8. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “ในโลกนี้ไม่เคยมีใครที่ไม่เคยทำผิดพลาด เราเกิดมาบนโลกใบนี้แล้วก็ได้ทำสิ่งผิดพลาดเช่นกัน ไม่งั้นแล้ว เราจะเกิดมาทำไม”

คุณรู้หรือไม่ว่า มีเรื่องใหญ่ๆหลายเรื่องที่ต้องทำให้สำเร็จในชีวิต และรู้หรือไม่ว่า เรื่องสำคัญเหล่านั้นจะถูกฝุ่นจับ เมื่อคุณใช้เวลามัวแต่นั่งคิดมากกว่าลงมือทำ เราทุกคนล้วนเกิดมาพร้อมของขวัญชิ้นหนึ่งที่จะมอบให้กับชีวิตของเราเอง ของขวัญที่เต็มไปด้วยความปรารถนา ความสนใจ ความหลงใหล และความอยากรู้อยากเห็น ของขวัญชิ้นนี้ แท้จริงแล้ว มันคือเป้าหมายของเรานั่นเอง และคุณตั้งเป้าหมายของคุณได้โดยไม่ต้องขออนุญาตใครทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้างาน ครู พ่อแม่ นักบวช หรือเจ้าหน้าที่ ก็ไม่อาจเลือกเป้าหมายให้คุณได้ คุณต้องหาจุดมุ่งหมายด้วยตัวคุณเอง

9. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “เวลาของคุณมีจำกัด จงอย่าเสียเวลาใช้ชีวิตตามแบบคนอื่น อย่าติดอยู่ในหลักความเชื่อ ซึ่งทำให้คุณใช้ชีวิตตามผลความคิดของผู้อื่น อย่ายอมให้เสียงความคิดของคนอื่น มากลบเสียงที่อยู่ภายในตัวของคุณ และที่สำคัญที่สุด คือ คุณต้องมีความกล้า ที่จะทำตามหัวใจปรารถนาและสัญชาติญาณ เพราะมันรู้ดีว่า จริงๆแล้วคุณต้องการเป็นอะไร เรื่องอื่นๆกลายเป็นเรื่องรองไปโดยสิ้นเชิง”
.
คุณเบื่อหรือเปล่าต่อการใช้ชีวิตตามความฝันของคนอื่น ไม่ต้องสงสัยเลย ก็มันเป็นชีวิตของคุณเอง คุณมีสิทธิใช้ชีวิตในแบบที่คุณต้องการ โดยไม่ต้องมีใครมาคอยขัดขวาง ลองให้โอกาสตัวเองฝึกความคิดริเริ่มในบรรยากาศที่ปราศจากความกลัวและแรงกดดัน จงใช้ชีวิตตามแบบที่คุณเลือก และเป็นเจ้านายตัวเอง

9 บทเรียนทองของ สตีฟ จอบส์

ที่มา หนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 118 กันยายน 2553

โดย บุญสิตา

Credit : ผู้จัดการออนไลน์
Read more ...

ความคิดเห็นล่าสุด

Recent Comments Widget