5 เหตุผลที่จะทำให้การทำงานที่ออฟฟิศเป็นเรื่อง 'ล้าหลัง'

20 พ.ค. 2557
14 ตุลาคม 2556

ในยุคดิจิตัลแบบนี้ แนวคิดเรื่องการนั่งทำงานที่ออฟฟิศ อาจกลายเป็นแนวคิดที่ล้าหลังไปเสียแล้ว เมื่อเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นมา ทำให้เราเชื่อมโยงกับคนทั้งโลกได้ง่ายขึ้น ดังนั้น การทำงานที่ออฟฟิศอาจไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป ช่วงนี้ เราจะไปดูกันว่า นอกจากเรื่องเทคโนโลยีแล้ว มีเหตุผลอะไรอีกบ้าง ที่จะทำให้การทำงานที่ออฟฟิศเป็นเรื่องที่ล้าสมัย

แน่นอนว่า มนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในออฟฟิศ จนบางคนป่วยเป็นโรคออฟฟิศ ซินโดรมแบบไม่รู้ตัว แต่ในยุคที่อะไรก็กลายเป็นดิจิตอลแบบนี้ หลายคนได้ออกมาวิจารณ์ว่า แนวความคิดเรื่องการทำงานในอออฟฟิศ ช่างเป็นแนวคิดที่ล้าหลังและน่าขันเป็นอย่างยิ่ง เพราะการที่เรามีเทคโนโลยี ที่ช่วยให้การสื่อสารเชื่อมโยงถึงกันหมดในยุคนี้ อาจช่วยให้เราไม่ต้องมาทำงานที่ออฟฟิศอีกต่อไป และนี่คือ 5 เหตุผลที่จะอธิบายว่า ทำไมการทำงานออฟฟิศจึงจะกลายเป็นสิ่งที่ล้าหลังในไม่ช้า

ข้อที่ 1 เรามีอุปกรณ์อันแสนฉลาด ที่จะช่วยให้การทำงานเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น โดยศูนย์วิจัยอีริคสันคาดการณ์ว่า ในปี 2563 จะมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กว่า 50,000 ล้านเครื่อง ที่จะสามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ ซึ่งอุปกรณ์ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงสมาร์ทโฟน หรือแท็ปเล็ต แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังหมายถึงแก็ดเจ็ตใหม่ๆของกูเกิล กลาส และรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติอีกด้วย ดังนั้น ด้วยอุปกรณ์เหล่านี้ทำให้พนักงานออฟฟิศทั้งหลาย ไม่ต้องเปลืองแรงเดินทางมาทำงานอีกต่อไป หลายคนอาจทำงานจากที่บ้าน หรือจากสถานที่อื่นๆแค่มีเพียงไวไฟเท่านั้น คุณก็สามารถเชื่อมต่อกับโลกภายนอกได้แล้ว ซึ่งข้อดีของการทำงานในลักษณะนี้ นอกจากจะประหยัดเวลาแล้ว พนักงานทั้งหลายยังไม่ต้องอยู่ในกฎระเบียบอันเคร่งครัด ที่อาจจะจำกัดอิสรภาพและไอเดียใหม่ๆในการทำงาน อีกทั้งยังไม่ต้องแต่งตัวให้ดูเรียบร้อย เพื่อเอาใจใครอีกด้วย

แล้วสำหรับออฟฟิศที่ต้องการแรงงานคนจริงๆเพราะงานดังกล่าวไม่สามารถทำผ่านระบบออนไลน์ได้ ก็จะไม่สามารถทำงานจากที่บ้านได้ใช่หรือไม่ คำตอบของคำถามนี้ มีอยู่ใน

เหตุผลข้อที่ 2 ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ปัจจุบันนี้ ธุรกิจส่วนใหญ่ ต้องการตัดลดจำนวนพนักงานลง จึงหันไปว่าจ้างพนักงานจากข้างนอก หรือ outsource มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจที่กำลังไปได้ดีอย่าง TaskRabbit ซึ่งเป็นเว็บไซต์สำหรับการเปิดประมูลหาผู้ที่สนใจทำงาน โดยผู้ว่าจ้างสามารถมาโพสต์ลักษณะงานที่พวกเขาต้องการหาคนทำ พร้อมกับวงเงินว่าจ้าง ซึ่งหลังจากนั้น ผู้ที่เป็นสมาชิกของ TaskRabbit ก็จะเข้ามาประมูลงานที่พวกเขาคิดว่าทำได้ ซึ่งใครที่ประมูลในราคาที่ผู้ว่าจ้างพึงพอใจและมีคุณสมบัติที่ตรงกับที่ผู้ว่าจ้างต้องการ ก็จะได้ทำงานนั้นๆ โดยมีรายงานว่า สมาชิกของ TaskRabbit ส่วนใหญ่ ทำรายได้ต่อเดือนมากถึง 5,000 ดอลลาร์หรือราว 156,000 บาทเลยทีเดียว ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า ในอนาคต จะมีคนหันมาเปิดกิจการในลักษณะนี้มากขึ้น

เหตุผลข้อที่ 3 คือสไกป์ และระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์อื่นๆ ที่จะช่วยให้การประชุมสื่อสารกับคนทั้งโลกสะดวกรวดเร็วมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริหารที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อไปเข้าร่วมการประชุมอยู่บ่อยครั้ง แต่หากว่าแต่ละบริษัทหันมาใช้สไกป์กันให้มากขึ้น ก็จะช่วยประหยัดเวลาเดินทางอย่างมหาศาล โดยปัจจุบันนี้ มีรายงานว่า มีผู้ใช้งานสไกป์มากถึง 2,000 ล้านนาทีใน 1 วัน ซึ่งเวลาดังกล่าว มากพอที่จะเดินทางจากโลกไปยังดวงจันทร์ได้มากถึง 225,000 รอบ และเดินทางไปยังดาวอังคารได้มากถึง 5,400 ครั้งเลยทีเดียว

เหตุผลข้อที่ 4 ช่วงเวลาในการทำงาน และช่วงเวลาในการพักผ่อน จะเป็นช่วงเวลาเดียวกัน ดังนั้น พวกเจ้านายทั้งหลาย ที่กลัวว่า ลูกน้องจะอู้งานเมื่ออยู่กับบ้านนั้น แทบจะไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้ เพราะตราบใดที่มีอีเมล พนักงานคนนั้นๆก็ต้องติดอยู่กับการทำงาน ไม่ว่าเขาจะใช้เวลาทำอะไรอยู่ก็ตาม โดยปัจจุบันนี้ พนักงานส่วนใหญ่จะเร่งทำงานให้เสร็จเมื่ออยู่ที่ออฟฟิศ แต่เมื่อกลับบ้านก็อดไม่ได้ที่จะต้องทำงานต่อผ่านทางอีเมลหรือวิธีอื่นๆอยู่ดี ดังนั้นจึงไม่ต่างอะไร หากว่าเขาจะอยู่ที่บ้านและเคลียร์งานทั้งหมด

เหตุผลข้อสุดท้าย ก็คือ การเติบโตของเมกะซิตี หรือมหานครในศตวรรษที่ 21 ที่จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมหานครเหล่านี้ ต่างก็ต้องการโปรโมทเรื่อง "Smart City" ที่จะเน้นการนำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ในขณะเดียวกัน เมืองกำลังพัฒนาทั้งหลายก็ต้องเร่งมือ เพื่อสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ดังนั้น พนักงานทั้งหลาย ต้องปรับตัว และเปลี่ยนตัวเองให้เป็น "Smart Worker" ให้ได้ เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นล่าสุด

Recent Comments Widget